Saturday, September 20, 2025

หยุดวิ่งไล่ความสำเร็จ! แค่ทำ 3 สิ่งนี้ แล้วจักรวาลจะจัดสรรให้เอง

เคยรู้สึกไหมคะว่าเอ๊ทำไมชีวิตคนบางคน เนี่ยดูเหมือนมีแต่เรื่องดีๆเข้ามาตลอด เลยความสำเร็จโอกาสต่างๆแบบวิ่งเข้าหาไม่ หยุดเลยจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่าเอ๊เค้ามี เคล็ดลับอะไรกันนะ ครับผม เรื่องนี้ก็น่าสนใจนะคะมันพาเราไปเจอแนว คิดนึงเกี่ยวกับเอ่อที่เรียกว่าความอุดม สมบูรณ์น่ะค่ะซึ่งก็มีผู้ฟังสนใจอยากรู้ พอดีเลยเป็นที่มาที่เราคุยกันวันนี้ล่ะ ค่ะคือแนวคิดนี้มองว่าไอ้ความอุดมสมบูรณ์ เนี่ยมันอาจจะไม่ใช่เรื่องโชคอย่างเดียว หรือว่าฟ้าประทานมาให้แต่มันเป็นเรื่อง ของเอ่อสภาวะข้างในตัวเราหรือพลังงานบาง อย่างที่เราเหมือนจะสร้างมันขึ้นมาได้ ปรับจูนได้เพื่อดึงดูดสิ่งดีๆเข้ามาหาเรา นะค่ะ ใช่เลยครับเป็นมุมมองที่น่าสนใจมากคือ เปลี่ยนจากการที่เราแบบเออรอดูโชคชะตามา เป็นการที่เราเออลงมือสร้างความเป็นจริง ด้วยตัวเองได้ อื เหมือนกับมองว่าเอ่อเอ่อกลไกของธรรมชาติ หรือจะเรียกว่าพลังงานรอบตัวเราก็ได้ครับ มันมีหลักการทำงานของมันอยู่ที่แบบเป็น เหตุเป็นผลกัน ค่ะ พอเราเข้าใจแล้วเราปรับปรับคลื่นของเรา ให้มันสอดคล้องกับหลักการนั้นๆนะครับมัน ก็จะส่งผลให้เราได้รับประสบการณ์หรือผล ลัพธ์ที่มันก็สอดคล้องกับคลื่นที่เราส่ง ออกไปนั่นแหละครับ ฟังดูดีจังเลยค่ะ ครับแล้วจากที่รวบรวมแนวคิดต่างๆที่ผู้ ฟังสนใจมาเนี่ยก็พบว่ามันมีหลักการสำคัญ ๆคัญอยู่สัก 3 อย่างที่เขาพูดถึงกันบ่อยๆ ว่าเป็นเหมือนหัวใจหลักเลยในการสร้างแรง ดึงดูดที่ว่านี้ครับ โหน่าสนใจมากค่ะเหมือนกับว่าจริงๆแล้วเรา มีพลังมีอำนาจในการกำหนดชีวิตเราได้มาก กว่าที่เราคิดไว้อีกนะคะ ครับผม งั้นวันนี้เรามาลองเจาะลึกแนวคิดนี้กันดี กว่าค่ะกับ 3 หลักการสำคัญที่เชื่อว่าจะ เปลี่ยนเราให้กลายเป็นเอ่อแม่เหล็กดึงดูด ความอุดมสมบูรณ์ได้เลยมาลองแกะดูทีละข้อ กันเลยนะคะหลักการแรกที่ต้องให้ความสำคัญ เลยคืออะไรคะ ครับหลักการแรกเลยเนี่ยที่เอ่อแทบทุกแนว ทางพูดตรงกันนะครับก็คือการตั้งเจตนาให้ ชัดเจนครับผมไอ้ความชัดเจนเนี่ยแหละคือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดเลยครับ ความชัดเจนทำไมต้องชัดเจนขนาดนั้นล่ะคะ บางทีเราก็แค่อยากเออมีชีวิตที่ดีขึ้น กว้างๆไม่ได้หรอกคะการระบุเป้าหมายชัดไป มันจะเหมือนไปจำกัดตัวเองหรือเปล่าคะ อือืมเป็นคำถามที่ดีเลยครับเพราะว่าหลาย คนก็อาจจะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกันแต่ในมุม มองนี้นะครับการที่เรามีความปรารถนาแบบ กว้างๆไปหมดหรือแบบไม่แน่ใจว่าจริงๆอยาก ได้อะไรกันแน่เนี่ย ค่ะ มันเหมือนกับเราพยายามส่งสัญญาณออกไปแต่ สัญญาณนั้นมันเบลอๆนะครับไม่โฟกัสหรือว่า ความเข้มข้นมันน้อย ออ พลังงานที่เราส่งออกไปมันก็จะอ่อนแล้วก็ สะบะสะบะไปหมดทีนี้ผลลัพธ์ที่มันสะท้อน กลับมามันก็เลยอาจจะไม่ค่อยตรงใจหรือไม่ เป็นรูปธรรมอย่างที่เราคาดหวังไว้คือ คล้ายๆกับเราอยากเดินทางแต่ไม่รู้จะไปไหน แน่ก็คงขับรถวนไปวนมาไม่ถึงสักทีอะไร ทำนองนั้นครับ อ๋อพอจะเห็นภาพเลยค่ะเหมือนต้องมีเป้า หมายชักๆเป็นเหมือนดาวเหนือนำทางให้เรา ไม่หลงทางไปซะก่อน ถูกต้องครับใช่เลยแล้วที่น่าสนใจไปกว่า นั้นอีกนะครับคือแนวคิดนี้เนี่ยเขามักจะ อธิบายเรื่องนี้ผ่านสิ่งที่เรียกว่ากฎ แห่งการสั่นสะเทือนหรือ Law of Vibration กฎแห่งการสั่นสะเทือน ครับซึ่งมองว่าทุกสิ่งในจักรวาลนี้เลย ตั้งแต่สิ่งของจับต้องได้ไปจนถึงความคิด ความรู้สึกอารมณ์ของเราเนี่ยล้วนมีการ สั่นสะเทือนในระดับพลังงานที่ต่างกันไป หมดอือฮึ ทีนี้เจตนาที่มันชัดเจนแน่วแน่เนี่ยก็ เหมือนกับการที่เราสร้างเอ่อคลื่นความถี่ เฉพาะตัวที่มันทรงพลันขึ้นมาส่งออกไปใน มิติพลังงานนั้นเพื่อสื่อสารสิ่งที่เรา ต้องการออกไปอย่างแม่นยำเลย ค่ะ พอมันแม่นยำปุ๊บมันก็ทำให้พลังงานอื่นๆ ที่มีความถี่สอดคล้องกันเนี่ยสามารถตอบ สนองแล้วก็ถูกดึงดูดเข้ามาหาเราได้ง่าย ขึ้นครับ โอ้โหฟังดูมีมิติที่ลึกซึ้งกว่าแค่การ ตั้งเป้าหมายธรรมดาเลยนะคะแล้วในทาง ปฏิบัติล่ะคะเราจะสร้างความชัดเจนให้ เจตนาของเราได้ยังไงบ้างมีวิธีที่มันจับ ต้องได้ง่ายๆมั้คะ การเขียนสิ่งที่เราต้องการลงไปให้ชัดเจน ที่สุด เขียนลงไปเลย ใช่ครับอาจจะเขียนลงสมุดบันทึกแต่เคล็ด ลับสำคัญคือให้เขียนด้วยภาษาที่เหมือนกับ ว่าสิ่งนั้นมันเป็นจริงแล้วหรือเรากำลัง ได้รับมันอยู่แล้วนะครับ อ๋อไม่ใช่ ใช่เขียนว่าอยากได้ ใช่ครับแทนที่จะเขียนว่าฉันอยากมีเงินมาก ขึ้นอาจจะลองเปลี่ยนเป็นฉันรู้สึกขอบคุณ จริงๆสำหรับความมั่งคั่งที่หลั่งไหลเข้า มาในชีวิตฉันอย่างต่อเนื่องหรือฉันเป็น แม่เหล็กดึงดูดโอกาสดีๆเข้ามาเสมออะไรแบบ นี้ครับ อื คือการใช้ภาษาปัจจุบันแล้วก็ใส่ความรู้ สึกดีๆเชิงบวกลงไปมันจะช่วยปรับจูนความ คิดความรู้สึกเราให้สอดคล้องกับสิ่งนั้น ได้ดีขึ้นครับ เหมือนเรากำลังบอกตัวเองตอกย้ำกับจิตใต้ สำนึกเราด้วยใช่มั้ยคะ ถูกต้องครับ แล้วมีวิธีอื่นอีกมั้ยคะนอกจากการเขียน อีกวิธีนึงที่ทรงพลังมากๆเลยนะครับคือการ ใช้จินตนาการหรือที่เรียกว่า visualization อ๋อการนึกภาพ ใช่ครับคือการสร้างภาพความสำเร็จหรือภาพ ที่เราได้รับสิ่งนั้นมาแล้วเนี่ยในใจเรา ให้มันชัดเจนที่สุดเท่าที่ทำได้เลย ค่ะนะแล้วไม่ใช่แค่เห็นภาพอย่างเดียวนะ ครับแต่ต้องรู้สึกถึงอารมณ์ด้วยอารมณ์ ความสุขความสมหวังความตื่นเต้นที่มันจะ เกิดขึ้นณเวลานั้นจริงๆอ่ะครับ ต้องอินไปด้วย ต้องอินไปด้วยเลยครับยิ่งเราทำซ้ำๆบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกที่เข้มข้นเนี่ยมันก็ เหมือนเราฝึกจิตใจแล้วก็ปรับเคลื่อนพลัง งานข้างในให้ตรงกับความถี่ของสิ่งที่เรา อยากได้ทำให้การสื่อสารผ่านเจตนานั้นมัน ชัดเจนแล้วก็มีพลังดึงดูดมหาศาลเลยครับอื แต่เอ่อเอก็มีข้อสังเกตเหมือนกันนะครับ จากบางแนวคิดเขาก็บอกว่าการจินตนาการที่ มันละเอียดเป๊ะเกินไปเนี่ยบางทีมันอาจจะ สร้างความคาดหวังที่ตายตัวและทำให้เรา ประยึดติดกับภาพนั้นมากไปหน่อย อ๋อค่ะ บางทีการโฟกัสที่ความรู้สึกที่เราอยากจะ ได้จากสิ่งนั้นอาจจะยืดหยุ่นกว่าเปิด กว้างกว่าก็ได้ครับ เป็นข้อสังเกตที่น่าสนใจมากค่ะแสดงว่าก็ ต้องหาจุดสมดุลเนาะระหว่างความชัดเจนกับ การไม่ไปยึดติดจนเกินไปชัดเจนขึ้นมากเลย ค่ะสำหรับหลักการแรกนี้ทีนี้ไปต่อกันที่ หลักการที่ 2 นะคะซึ่งดิฉันว่าเริ่มน่าสน ใจแล้วก็อาจจะท้าทายขึ้นเรื่อยๆข้อ 2 นี่ เกี่ยวกับอะไรคะ ครับหลักการข้อที่ 2 ก็คือการยกระดับพลัง งานหรือคลื่นความถี่ของเราให้อยู่ในสภาวะ ของความสุขความรู้สึกดีที่เรียกว่า rais your vibration นะครับ การยกระดับพลังงานฟังดูแอบเป็นนามธรรมนิด ๆนะคะมันหมายถึงอะไรแล้วทำไมความสุขถึง ถึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดสิ่ง ต่างๆเข้ามาได้หรอคะ ใช่ครับคำว่าพลังงานหรือ vibration ใน บริบทนี้เนี่ยอาจจะไม่ได้หมายถึงพลังงาน ทางฟิสิกส์เป๊ะๆขนาดนั้นนะครับแต่จะหมาย ถึงสภาวะทางอารมณ์ความรู้สึกข้างในของเรา มากกว่า อ๋อค่ะ แนวคิดนี้เขาเชื่อว่าสิ่งดีๆที่เราอยาก ได้ทั้งหลายแหล่ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่ง โอกาสดีๆความรักสุขภาพหรือความสำเร็จ เนี่ยล้วนมีคลื่นความถี่หรือการสั่น สะเทือนที่สูงครับมันสอดคล้องกับอารมณ์ เชิงบวกอย่างเช่นความสุขความรักความเมตตา ความรู้สึกขอบคุณซาบซึ้งใจความเบิกบาน ความสงบอะไรพวกนี้ อื ทีนี้ถ้าตัวเราเองเนี่ยมัวแต่จมอยู่กับ อารมณ์ลบๆหรือสภาวะที่พลังงานมันต่ำเช่น ความกังวลความกลัวความรู้สึกว่าขาดแคลน จังเลยอิจฉาโกรธเศร้า ค่ะ มันก็เหมือนกับว่าเรากำลังสั่นสะเทือน อยู่ในคลื่นความถี่ที่มันต่างกันสุดขั้ว เลยกับสิ่งที่เราอยากได้นะครับ เปรียบเทียบเหมือนเราพยายามจะจูนคลื่น วิทยุหาเพลงเพราะๆฟังสบายๆแต่เราดันไป หมุนหาคลื่นที่มีแต่เสียงซ่าๆสัญญาณรบกวน แบบนั้นหรือเปล่าคะ โอ้โหเปรียบเทียบได้เห็นภาพชัดเจนมากครับ ใช่เลยนะครับพอคลื่นความถี่มันไม่ตรงกัน มันก็จูนกันไม่ติดดึงดูดกันไม่ได้ อ๋อ ดังนั้นถ้าเราอยากจะดึงดูดสิ่งที่มี เคลื่อนความถี่สูงๆเราก็จำเป็นต้องปรับ จูนสภาวะภายในของเราให้สั่นสะเทือนอยู่ใน ระดับที่มันใกล้เคียงกันนั่นก็คือการ สร้างแล้วก็รักษาสภาวะของความสุขความรู้ สึกดีความเบิกบานใจให้ได้มากที่สุดใน ชีวิตประจำวันของเราครับ เข้าใจหลักการแล้วค่ะแต่ว่าในชีวิตจริง อ่ะเนาะมันก็มีเรื่องให้เครียดให้กังวล ให้รู้สึกแย่ได้ตลอดเวลาเลยแล้วเราจะยก ระดับพลังงานหรือจูนคลื่นของเราให้มันสูง ขึ้นท่ามกลางเรื่องแย่ๆพวกนั้นได้ยังไง บ้างคะมันดูเหมือนต้องฝืนความรู้สึกหรือ เปล่า ไม่จำเป็นต้องฝืนหรือเซแแสร้งร้งว่ามี ความสุขตลอดเวลานะครับแต่เป็นการฝึกฝนที่ จะเลือกสร้างสภาวะทางอารมณ์ที่ดีให้กับ ตัวเองบ่อยขึ้น อ๋อเลือกที่จะสร้าง ใช่ครับแล้วมันก็มีวิธีง่ายๆที่ทำได้ใน ชีวิตประจำวันเยอะแยะเลยครับอย่างเช่นการ ฟังเพลงเองก็ช่วยได้เลือกเพลงที่ทำให้เรา รู้สึกดีมีพลังใจหรือผ่อนคลาย ค่ะ ที่ดีมากการทำสมาธิหรือฝึกการหายใจแค่วัน ละไม่กี่นาทีก็ช่วยให้ใจเราสงบลงลดความ ฟุ้งซ่านกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้ อือฮึ การไปอยู่กับธรรมชาติบ้างใช้เวลาสัมผัส แดดต้นไม้ใบหญ้าก็ช่วยปรับสมดุลพลังงาน ได้ดีหรือแม้แต่การเลือกเสพสื่อก็สำคัญนะ ครับลดการรับข่าวหรือเนื้อหาที่ทำให้เรา รู้สึกหดฮูกังวลหรือโกรธลงบ้าง อืมจริงด้วยค่ะเป็นวิธีที่ดูเหมือนจะง่าย ๆนะคะแต่ก็น่าจะช่วยปรับอารมณ์เราใน ระหว่างวันได้จริงๆ ใช่ครับแล้วก็มีอีกวิธีนึงที่ถูกเน้นย้ำ ในหลายๆแนวทางเลยว่าเป็นวิธีที่ทรงพลัง มากๆมากๆคือการฝึกฝนความรู้สึกขอบคุณหรือ ซาบซึ้งใจที่เรียกว่า gratitude นะครับ การขอบคุณ ครับการฝึกมองหาแล้วก็รู้สึกสึกขอบคุณ สิ่งดีๆที่เรามีอยู่แล้วในชีวิตณตอนนี้ เลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ ตาม เช่นอะไรบ้างคะ เช่นขอบคุณลมหายใจที่เรายังมีอยู่ขอบคุณ อาหารมื้อนี้ขอบคุณรอยยิ้มจากใครสักคน ขอบคุณที่มีบ้านให้อยู่คือการจดจอกกับ สิ่งที่มีอยู่แล้วรู้สึกขอบคุณจากใจจริง เนี่ยมันเหมือนเป็นการเปลี่ยนโฟกัสจาก ความรู้สึกขาดไปสู่ความรู้สึกว่าเรามี อยู่แล้วเราได้รับแล้ว อ๋ออ๋อ แล้วไอ้ความรู้สึกนี้ล่ะครับที่เป็นคลื่น ความถี่สูงที่ทรงพลังมากๆเลย จุดนี้สำคัญมากเลยนะคะเหมือนกับว่าเราไม่ ต้องรอให้ได้สิ่งที่อยากได้ก่อนถึงจะมี ความสุขได้ ใช่ครับ แต่เราต้องสร้างความรู้สึกดีๆความรู้สึก อุดมสมบูรณ์ให้มันเกิดขึ้นในใจเราเดี๋ยว นี้เลย ใช่เลย เพื่อเป็นการเปิดประตูรับสิ่งดีๆเข้ามา โอ้โหนี่เป็นการเปลี่ยนลำดับความคิดจาก เดิมไปเลยนะคะเนี่ย ถูกต้องแม่นยำเลยค่ะนี่คือหัวใจสำคัญที่ หลายคนอาจจะมองข้ามไปเลยคือการรู้สึกดี เนี่ยมันไม่ใช่ผลลัพธ์นะคะแต่มันเป็นเหตุ ที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เราต้องการ อืม อือเรื่องเล่ามีตัวอย่างเยอะแยะเลยครับ ที่ชี้ว่าคนที่สามารถรักษาทัศนคติบวกๆ รักษาระดับพลังงานความสุขความเบิกบานหรือ ความรู้สึกขอบคุณไว้ได้สม่ำเสมอเนี่ยมัก จะมีโอกาสดีๆหรือทางออกของปัญหาโผล่เข้า มาแบบไม่คาดฟันเลย โห ราวกับว่าสภาวะข้างในของเราเนี่ยมันส่ง สัญญาณบางอย่างออกไปแล้วก็ไปดึงดูด สถานการณ์ที่มันสอดคล้องกันเข้ามาหาเอง เลยครับ น่าทึ่งมากเลยค่ะว่าแค่สภาวะในใจเรามันจะ มีผลต่อโลกภายนอกได้ขนาดนี้เอาล่ะค่ะมา ถึงหลักการข้อสุดท้ายกันแล้วข้อนี้ตอนแรก ที่ดิฉันฟังเนี่ยรู้สึกขัดแย้งในใจนิด หน่อยคือการปล่อยวางและไว้วางใจหรือ detach and trust ครับผม คือหลังจากที่เราตั้งเป้าหมายชัดเจนแล้ว พยายามทำตัวให้มีความสุขยกระดับพลังงาน แล้วทำไมสุดท้ายต้องมาปล่อยวางล่ะคะมัน ไม่เหมือนกับว่าเราเลิกสนใจเป้าหมายไป แล้วหรอ ครับเป็นประเด็นที่ทำให้หลายคนสับสนจริงๆ ครับคำว่าปล่อยวางในที่นี้เนี่ยมันไม่ได้ หมายถึงการล้มเลิกความตั้งใจหรือว่าไม่ลง มือทำอะไรเลยนะครับ อ๋อไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่ครับแต่หมายถึงการปล่อยวางความยึด ติดอย่างเหนียวแน่นกับผลลัพธ์นะครับ ค่ะ และการปล่อยวางความกังวลความสงสัยต่างๆ นานามาว่าเฮ้ยสิ่งที่เราต้องการเนี่ยมัน จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่มันจะมาในรูปแบบไหน แล้วมันจะได้มาจริงๆหรือเปล่าอะไรพวกนี้ อื แนวคิดเบื้องหลังเรื่องนี้เขาอธิบายผ่าน สิ่งที่เรียกว่ากฎแห่งการปล่อยวางหรือ Law of Detachment ครับ กฎแห่งการปล่อยวางมันทำงานยังไงหรอคะทำไม การไปยึดติดหรือกังวลมันถึงกลายเป็นผล เสียไปได้หรอคะ ครับเพราะว่าไอ้ความยึดติดความพยายามจะไป ควบคุมผลลัพธ์ให้ได้ดั่งใจเราเป๊ะๆทุก อย่างความกลัวว่าจะไม่ได้หรือความกังวล ว่าเมื่อไหร่จะมาเนี่ย ค่ะ อารมณ์และความคิดพวกนี้ทั้งหมดเลยนะครับ ล้วนเป็นพลังงานที่มีความถี่ต่ำ อ๋อต่ำอีกแล้ว ใช่ครับมันคือพลังงานของความกลัวความขาด แคลนซึ่งอย่างที่เราคุยกันไปในหลักการข้อ 2 เลยมันเป็นคลื่นความฉีกที่ตรงกันข้าม อย่างสิ้นเชิงกับสิ่งดีๆหรือความอุดม สมบูรณ์ที่เราอยากได้ ค่ะ การที่เรามัวแต่ส่งพลังงานความถี่ต่ำพวก นี้ออกไปเรื่อยๆเนี่ยมันจึงเหมือนกับการ ที่เราส่งสัญญาณรบกวนหรือไปสร้างแรงต้าน ทานที่มันไปขัดขวางกระบวนการดึงดูดที่เรา อุตส่าห์เริ่มต้นไว้ดีแล้วด้วยเจตนาที่ ชัดเจนด้วยการยกระดับพลังงานนะครับ อ๋อเข้าใจแล้วค่ะเหมือนเราตั้งใจส่ง สัญญาณดีๆออกไปแล้วแต่ดันไปสร้างกำแพง ขึ้นมากันไม่ให้สัญญาณตอบรับมันกลับเข้า มาได้ด้วยความกังวลของเราใช้เลยครับ เปรียบเทียบได้ดีมากครับส่วนคำว่าไวว่าง ใจหรือ trust ในบริบทนี้คืออะไร ค่ะ มันคือความเชื่อมั่นอย่างแท้จริงเลยครับ เชื่อมั่นว่าเมื่อเราได้ทำในส่วนที่เรา ควบคุมได้ดีที่สุดแล้วนะ อือฮึ คือตั้งเจตนาชัดเจนลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ ดูแลรักษาสภาวะพลังงานภายในให้สูงไว้แล้ว เนี่ยที่เหลือก็คือการมอบความไว้วางใจกับ กระบวนการที่มันใหญ่กว่าตัวเราหรือพลัง งานที่เรามองมองไม่เห็น ค่ะ ไม่ว่าเราจะเรียกว่าจักรวาลธรรมชาติหรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็แล้วแต่ความเชื่อ เลยนะครับให้ท่านทำหน้าที่จัดสรรแล้วก็นำ พาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดมาให้เราในจังหวะ เวลาและรูปแบบที่ดีที่สุดสำหรับเส้นทาง ของเราเองครับ การไว้วางใจนี่พูดง่ายแต่ทำยากเหมือนกัน นะคะโดยเฉพาะเวลาที่เรากดดันมากๆหรือ สถานการณ์มันดูไม่เป็นใจเลยมีวิธีที่เรา จะฝึกฝนการปล่อยวางแล้วก็สร้างความไว้วาง ใจนี้ให้มันแข็งแกร่งขึ้นได้ไหคะ ต้องอาศัยการฝึกฝนแล้วก็ปรับมุมมองอย่าง ต่อเนื่องเลยครับวิธีหนึ่งที่ช่วยได้ก็ คือการใช้คำยืนยันเชิงบวกหรือ affirmation ที่เน้นเรื่องการปล่อยวางและความไว้วางใจ โดยเฉพาะ เช่นอะไรบ้างคะ เช่นหมั่นบอกตัวเองบ่อยๆว่าทุกสิ่งกำลัง คลี่คลายไปในทางที่ดีที่สุดสำหรับฉันหรือ ฉันเปิดรับสิ่งดีๆที่กำลังเดินทางมาหาใน เวลาที่เหมาะสมเสมอ หรือฉันไว้วางใจในกระบวนการของชีวิตอะไร แบบนี้ครับ อื การตอกย้ำความคิดเหล่านี้ซ้ำๆมันจะช่วย ปรับโปรแกรมในจิตใต้สำนึกเราได้ครับอีก วิธีที่สำคัญมากๆคือการฝึกยอมรับปัจจุบัน ขณะ ยอมรับปัจจุบัน ใช่ครับไม่ว่าสถานการณ์ตอนนั้นมันจะเป็น ยังไงพยายามไม่ไปต่อต้านมันแต่เรียนรู้ ที่จะอยู่กับมันอย่างสงบทำความเข้าใจแล้ว ก็มองหาบทเรียนหรือโอกาสที่มันอาจจะซ่อน อยู่ในการยอมรับนั้น ค่ะ คือการยอมรับเนี่ยไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้ นะครับแต่เป็นการลดแรงต้านในใจเราแล้วก็ เปิดใจให้กว้างพอที่จะรับรู้ว่าเออบางที ผลลัพธ์ที่จักรวาลจัดสรรมาให้เนี่ยมันอาจ จะดูต่างจากภาพที่เราวาดไว้เป๊ะๆเลยก็ได้ อื แต่มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าหรือจำเป็น ต่อการเติบโตของเรามากกว่าในระยะยาวก็ได้ ใครจะรู้ใช่มั้ครับ จริงค่ะ ซึ่งตรงนี้ก็นำไปสู่คำถามที่แน่ขบคิดต่อ เหมือนกันนะครับว่าในโลกที่มันเต็มไปด้วย ความไม่แน่นอนแบบนี้เนี่ยเนี่ยเราจะ สามารถบ่มเพาะความรู้สึกไว้วางใจอย่างแท้ จริงนี้ให้มันอย่างรากลึกในใจเราได้ยังไง มันต้องอาศัยอะไรบ้างในการฝึกฝน ค่ะเป็นคำถามที่ท้าทายแล้วก็น่าเก็บไปคิด ต่อจริงๆค่ะเอาล่ะค่ะเราก็ได้สำรวจลงลึก กันมาครบทั้ง 3 หลักการสำคัญที่เชื่อว่า เป็นกุญแจสู่การดึงดูดความอุดมสมบูรณ์ แล้วนะคะพอจะสรุปให้เห็นภาพรวมความเชื่อม โยงของทั้ง 3 หลักการนี้อีกสักครั้งได้ มั้คะว่ามันทำงานร่วมกันยังไง ได้ครับถ้าจะสรุปไม่เห็นภาพรวมง่ายๆเลยนะ ครับแนวคิดนี้มองว่ากระบวนการสร้างแรงดึง ดูดความอุดมสมบูรณ์เนี่ยมันประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลักที่ต้องทำงานสอดประสานกัน อย่างลงตัวเลยครับคือ 1 คือตั้งธงไอ้ชัด clarity รู้ว่าต้องการอะไรจริงๆกำหนดทิศ ทางความปรารถนาให้คมชัดแล้วก็สื่อสารออก ไปอย่างแน่วแน่ผ่านความคิดเจตนาของเรา ค่ะ 2 คือจูนคลื่นให้สูง vibration ดูแลสภา สภาวะอารมณ์ความรู้สึกภายในให้อยู่ในแดน บวกเข้าไว้เป็นส่วนใหญ่เลยสร้างความรู้ สึกสุขสงบรักขอบคุณให้เกิดขึ้นในปัจจุบัน ขณะให้ได้มากที่สุด อือฮึ และ 3 คือปล่อยมือด้วยใจเชื่อ Detachment and trust เมื่อทำ 2 ข้อแรกเต็มที่แล้ว ก็ให้ปล่อยวางความคาดหวังในรูปแบบและเวลา ของผลลัพธ์ลดความกังวลลงแล้วก็เชื่อมั่น อย่างแท้จริงว่าสิ่งที่เหมาะสมกำลังเดิน ทางมาหาเราแน่นอน ฟังดูเหมือนเป็นการทำงานร่วมกันของทั้ง ความคิดคือการตั้งเป้าทั้งความรู้สึกคือ การสร้างพลังงานบวกแล้วก็ความช่วยมั่นคือ การไว้วางใจเลยนะคะ ถูกต้องครับเป็นการบูรณาการทั้งข้างในและ ข้างนอกเลยการฝึกฝน 3 สิ่งนี้อย่างสม่ำ เสมอในชีวิตประจำวันนะครับแม้จะเริ่มจาก เรื่องเล็กๆน้อยๆก่อนก็ได้เชื่อกันว่าจะ ค่อยๆสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับพลังงาน ทัศนคติแล้วก็มุมมองของเรา ค่ะ ทำให้เราค่อยๆกลายเป็นเหมือนเอ่อเสาอาการ ที่ปรับจูนคลื่นได้ดีขึ้นสามารถรับแล้วก็ ดึงดูดโอกาสผู้คนหรือทัพยากรดีๆที่มันสอด คล้องกับสิ่งที่เราต้องการเข้ามาในชีวิต ได้แบบเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆครับ เป็นมุมมองที่เปิดโลกทัศน์แล้วก็ให้ความ หวังมากๆเลยนะคะก็อยากจะชวนให้ลองนำหลัก การเหล่านี้ไปลองพิจารณาใคร่ครวญกันดูว่า เอ๊ะมันสอดคล้องกับความเชื่อหรือ ประสบการณ์ส่วนตัวของเรามากน้อยแค่ไหน ครับผมหรือบางทีอาจจะลองนำไปปรับใช้ในมุม เล็กๆของชีวิตดูก่อนแล้วก็ลองสังเกตดูการ เปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยก็ได้นะ ครับ

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


"อเมริกา" อ่วม โดนแก๊งไซเบอร์ "กัมพูชา" ดูดเงินปีเดียวหมื่นล้านเหรียญ

อเมริกาก็ไม่รอดค่ะโดนแก๊งไซเบอร์นะคะ หลอกเงินเช่นกันค่ะปีที่แล้วปีเดียวนะคะ โดนดูดเงินไปแล้วกว่าหมม,ืล้านดอลลาร์ สหรัฐค่ะหรือคิดเป็นเงินไทยนะคะก็มากกว่า 3.100สน 100,000 ล้านบาทค่ะแต่ว่าเรื่อง นี้ทางการสหรัฐบอกว่าไม่ขอทนนะคะล่าสุด ประกาศคว่ำบาทค่ะเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง กับการสแกมเมอร์นะคะแล้วก็ชี้เป้าเลยค่ะ บอกว่าฐานที่มั่นก็คือกัมพูชาและ เมียนมาร์ค่ะ ข่าวใหญ่ที่ตอกย้ำอีกครั้งเลยนะคะว่าตอน นี้ศูนย์กลางของสแกมเมอร์โลกอยู่ที่ ประเทศกัมพูชาและเมียนมาร์ค่ะในอาเซียน ของเรานี่เองนะคะเมื่อทางสำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานบอกว่าสำนักงานควบคุมทรัพย์ สินต่างประเทศหรือว่า OFAC ของกระทรวง คลังสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตรการคว่ำบาตร เครือข่ายศูนย์กลางการหลอกลวงทางไซเบอร์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พุ่งเป้านะคะไป ที่ 9 เครือข่ายในเมืองชเวกโก๊กโกประเทศ เมียนมาร์และอีก 10 เครือข่ายในกัมพูชา เพื่อตั้งใจปิดเส้นทางการเงินของเครือ ข่ายเหล่านี้สหรการนั้นเจอกับแก๊งไซเบอร์ แพงริฤทธิ์อย่างหนักนะคะหลังจากที่ปีที่ ผ่านมาในเวลาเพียงแค่ปีเดียวชาวอเมริกัน นั้นโดนหลอกดูดเงินจากเครือข่ายนี้ไปแล้ว มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือว่า กว่า 3.1 100สนล้านบาทค่ะซึ่งตัวเลขนี้ พุ่งขึ้นจากปีก่อนถึง 66% เป็นการสะท้อนให้เห็นชัดเจนเลยนะคะว่ามี การเติบโตในเชิงอุตสาหกรรมของธุรกิจหลอก ลวงออนไลน์ค่ะโดยทาง John เฮอรี่ปลัด กระทรวงการคลังด้านการก่อการร้ายและข่าว กรองทางการเงินหรือ TFI ค่ะระบุว่า อุตสาหกรรมการหลงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวา เฉียงใต้ไม่เพียงแต่คุกคามความเป็นอยู่ ที่ดีและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน สหรัฐเท่านั้นนะคะแต่ว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องใหญ่ค่ะทำให้ผู้คนหลายพันคนนั้น ต้องตกเป็นทาสยุคใหม่ตั้งแต่การถูกคุกคาม คมขู่หรือบีบบังคับให้ทำงานหรือบริการ เหล่านี้และเรื่องนี้ก็สอดคล้องนะคะกับ รายงานจากทาง Amnesty International และ องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆที่ชี้ตรงกันค่ะ บอกว่าศูนย์หลอกลวงในกัมพูชาและเมียนมาร์ นั้นแทบจะไม่ต่างจากเรือนจำมีการควบคุม แรงงานฤทธิ์รอนเสรีภาพและการใช้ความ รุนแรงต่อคนที่ต้องการจะหลบนี้หรือต่อ ต้านค่ะแต่สำหรับวันนี้นะคะทางการสหรัฐ ย้ำเลยค่ะว่าภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลดทรัมป์และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สกอตเบสเซนนะคะจะมีการทุ่มเทเครื่องมือ ทั้งหมดที่มีค่ะเพื่อมาต่อสู้กับระบบ อาชยกรรมทางการเงินดังกล่าวมาปกป้องชำรนะ คะให้หลุดพ้นจากความเสียหายอันใหญ่หลวง ที่เกิดขึ้นจากการสแกมป์ค่ะขณะที่ มาโครรูบิโอรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของสหรัฐนะคะก็ย้ำถึงความตั้งใจในการจัด การปัญหานี้ค่ะข้อเสริมนะคะบอกว่ามาตรการ เหล่านี้ไม่เพียงแค่มีจุดมุ่งหมายเพื่อมา ปกป้องผู้เสียหายในสหรัฐเท่านั้นแต่ว่า เป็นการทำลายโครงสร้างทางการเงินของขบวน การอาชกรรมที่ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มก้อน เล็กๆแต่ว่ามีการทำงานอย่างยิ่งใหญ่ใน ระดับอุตสาหกรรมค่ะรายงานของกระทรวงคลัง สหรัฐระบุด้วยนะคะว่าเหยื่อที่ตกเป็นธาตุ ยุคใหม่ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ว่างงาน หรือว่าตกงานอยู่ค่ะแล้วแก๊งไซเบอร์เหล่า นี้นะคะจะมีการแต่งเรื่องใช้ข้อมูลเท็จ ล่อล่วงล่อหลอกให้เหยียดสนใจเข้าไปทำงาน ในค่ายแรงงานแต่ว่าหลังจากนั้นค่ะแรงงาน ก็จะโดนหลอกนะคะให้ทำงานต่อด้วยการอ้าง ว่ามีการผูกมัดหนี้สินถ้าไม่ยอมทำงานก็จะ มีการใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่ให้ค้า ประเวณีบีทบังคับให้แรงงานเหล่านี้นะคะทำ หน้าที่หลอกลวงเหยื่อคนอื่นๆในโลกออนไลน์ ค่ะผ่านการส่งข้อความในแอปพลิเคชัหรือว่า โทรศัพท์โน้มน้าวชักจูงนะคะให้บอกข้อมูล การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์แล้วก็มีการ ติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อนจากระยะไกลเพื่อมา ดูดเงินหรือว่าถ่ายเททรัพย์สินออกมาได้ ค่ะซึ่งวิธีการหลอกลวงที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุดนะคะคือสิ่งที่เรียกว่าพิกing scam หรือว่าการหลอกเอาหมูมาเชือดค่ะมา ก็เริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ปลอมนะนะ คะผ่านแอปพลิเคชัหาคู่หรือว่าแพลตฟอร์ม ออนไลน์คนที่หลอกนะคะก็ใช้เวลานานในการ สร้างความไว้ใจค่ะก่อนจะมีการชักจงเหยื่อ ให้ลงทุนในแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ ดิจิตอลที่ทำขึ้นมาอย่างแนบเนียนและเมื่อ เหยื่อหลงเชื่อลงทุนไปแล้วนะคะสุดท้าย เงินทั้งหมดค่ะจะโดนยักย้ายไปยังบัญชีที่ ไม่สามารถติดตามได้แล้วนะคะและคนที่เป็น ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่เพียงแค่ต้องเสีย เงินก้อนใหญ่เงินออมทั้งชีวิตแต่ว่าต้อง เจอกับผลกระทบด้านจิตใจที่หนักหนาสาหัส ยากจะเยียวยาด้วยค่ะซึ่งรายงานข่าวก็ระบุ เลยนะคะว่าเครือข่ายสแกมเมอร์เหล่านี้โต อย่างรวดเร็วในช่วงของการระบาดโควิด-19 ค่ะแล้วก็มาเป็นข่าวครึกโคมได้รับความสน ใจจากทั้งโลกอีกครั้งนะคะเพราะว่าเมื่อ ต้นปีที่ผ่านมาค่ะมีการกวัดล้างครั้งใหญ่ โดย AP ก็รายงานนะคะบอกว่าเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีแรงงานกว่า 7,000 คนนะคะจากทั่วโลกเลยค่ะถูกควบคุมตัวและรอ ส่งตัวกลับประเทศบริเวณชายแดนประเทศ เมียนมาร์ซึ่งจากการปรับปรามครั้งนี้นะคะ ผ่านการประสานงานระหว่างประเทศไทย เมียนมาร์แล้วก็จีนค่ะอย่างไรก็ตามนะคะ แม้ว่าจะมีการกวาดล้างครั้งใหญ่แต่ว่านัก สิทธิมนุษยชนยังคงตำหนิรัฐบาลกัมพูชานะคะ บอกว่าไม่ดำเนินการอย่างเด็ดขาดอย่างเช่น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เองค่ะ Amnasty International ก็ประนามรัฐบาล กัมพูชานะคะบอกว่าจงใจเพิกเฉยต่อการ ละเมิดสิทธิมนุษยชนของเครือข่ายสแกมเมอร์ ค่ะดังนั้นนะคะการลงดาบของอเมริกาครั้ง นี้โดยมาตรการคว่ำบาตรจึงต้องใช้กฎหมาย หลายฉบับควบคู่กันไปค่ะเพื่อให้มาตรการ ต่างๆมีความครอบคลุมและมีผลผูกพันในหลาย มิติด้วยนะคะตั้งแต่การปิดกั้นการเข้าถึง ทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของสหรัฐ ไปจนถึงการห้ามประชาชนหรือว่าห้ามบริษัท อเมริกันนะคะไปทำธุรกรรมกับใครก็ตามหรือ องค์กรใดก็ตามนะคะที่มีที่อยู่ในลิสต์ค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะก่อนที่จะมาถูกประจานไป ทั่วโลกจากการถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้ค่ะ กัมพูชายเองก็มีการออกมาแอคชั่นนะคะ พยายามที่จะกวาดล้างสแกมเมอร์ในพื้นที่มา แล้วค่ะแต่หลายฝ่ายมองว่าการกวาดล้างดัง กล่าวนั้นอาจจะยังไม่แรงพอทำได้ไม่ถึง แก่นที่แท้จริงค่ะเมื่อช่วงกลางเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมามีรายงานนะคะว่ากองกำลัง ของพนมเปนได้เข้าไปบุกทลายสถานที่ต้อง สงสัยค่ะที่เกี่ยวข้องกับการสแกมออนไลน์ นะคะรวมถึงการจู่โจมทลายกลุ่ม Call Center ไปเจอผู้ต้องสงสัยนะคะมากกว่า 200 คนมีทั้งคนเวียดนามกัมพูชาและคนจีนค่ะการ กวาดล้างดังกล่าวนะคะเกิดขึ้นหลังจากที่ หุ่นมาเน็ตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาค่ะได้ ออกคำสั่งนะคะให้มีการเคร่งครัดการปรับ ปรามสแกมเมอร์การหลอกลงออนไลน์ให้จัดการ กับแหล่งซ่องซูมของสแกมเมอร์ภายในพื้นที่ ของตนเองและดำเนินการตามกฎหมายอย่างทันที สั่งการให้ในประเทศชาวต่างชาติที่เข้ามา ผิดกฎหมายหรืออาจจะมีส่วนร่วมเกี่ยวกับ การสแกมออนไลน์แล้วก็ย้ำด้วยนะคะว่าหาก หน่วยงานไหนหากใครละเลยจะมีผลต่อการ พิจารณาตำแหน่งพร้อมกันนี้ก็เสริมกำลัง ทหารตำรวจกองกำลังพิเศษเข้าร่วมปรับปราม เต็มรูปแบบค่ะซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าว นะคะเกิดจากการที่กัมพูชานั้นโดนองค์กร พัฒนาเอกชนระหว่างประเทศและ UNODE รายงาน ค่ะบอกว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของ อาชยกรรมทางไซเบอร์ของเอเชียทั้งจากแรง งานของแnastตีก็ยังระบุด้วยนะคะว่าฐาน สแกมเมอร์ของกัมพูชามากถึง 53 แห่งใน 13 พื้นที่พบว่ามีการทำร้ายร่างกายบังคับคน ให้ทำงานรวมถึงโครงการต่อต้านการค้า มนุษย์กัมโพชายังประเมินด้วยนะคะว่ามีฐาน ของสแกมเมอร์อย่างน้อย 350 แห่งค่ะที่ ดำเนินการอยู่ทั่วทั้งประเทศณเดือนตุลาคม ของปีที่แล้วรวมถึงมีการบังคับใช้แรงงาน ต่างชาติด้วยนะคะมากกว่า 150,000 คนค่ะ แต่อย่างไรก็ตามค่ะการปรับปรามดังกล่าว เองก็ถูกมองจากหลายฝ่ายนะคะว่ายังคงไม่ เด็ดขาดมากพอค่ะอย่างเช่นความเห็นจากทาง Channel Newเชียนะคะระบูบอกว่าการปรับ ปรามสแกมเมอร์ในอดีตที่ผ่านมาของกัมพูชา นั้นประสบความล่มเลวค่ะเนื่องจากไม่ได้มี การจัดการกับเสาหลัก 2 ด้านพื้นฐานนะคะ ที่มาหนุนอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตหรือว่า เฟื่องฟูค่ะเสาแรกก็คือเครือข่ายท้องถิ่น ของผู้ทรงอิทธิพลนะคะที่คอยทำหน้าที่ปก ป้องปฏิบัติการสแกมเมอร์และเสาที่ 2 ก็ คือโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่ล้ำสมัย ของที่ตั้งเหล่านี้ค่ะและพร้อมกันนี้ Channel Newเชียเขาก็สรุปไว้เลยนะคะว่า ตราบใดที่ไม่มีการแตะต้องชนชั้นสูงที่ เป็นคนคุ้มครองศูนย์สแกมเมอร์ทั้งหลาย เหล่านี้ปราบกี่ครั้งก็กลับมาได้อย่างรวด เร็วค่ะและคนที่โดนจับกมเองก็เป็นเพียง แค่กลุ่มของระดับล่างไม่ใช่คนที่อยู่ใน หน้าที่ระดับสูงค่ะลงดาบมาแล้วนะคะสำหรับ มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้จับตาดูกันค่ะว่า สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรสามารถ ปราบสแกมเมอร์ได้จริงหรือไม่เพราะอย่าลืม นะคะว่าคนที่เสียหายครั้งนี้ไม่ใช่เพียง แค่ชาวอเมริกันค่ะคนไทยเราเองก็โดนไปด้วย รวมถึงหลายชาติเองก็เช่นกันนะคะหรือแม้ กระทั่งความเสียหายไม่น้อยนะคะเรียกว่า มหาศาลและสามารถสะเทือนโลกได้เลยทีเดียว

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


100 สุดยอดเรื่องสยองขวัญ

100 สุดยอดเรื่องสยองขวัญ


1. รอยเท้าในหิมะ


ตำนานเมืองนี้เกี่ยวข้องกับเด็กสาววัยรุ่นซึ่งอยู่บ้านกับน้องสาวตัวน้อยของเธอในขณะที่พ่อแม่ของพวกเขาออกไปนอกเมือง หลังจากดูโทรทัศน์ด้วยกันแล้ว เธอส่งน้องสาวคนเล็กเข้านอนแล้วเดินกลับลงไปดูทีวีต่อที่ชั้นล่าง ในที่สุด เธอรู้สึกเบื่อกับสิ่งที่กำลังดูอยู่และปิดมัน จากนั้นก็ขดตัวอยู่ในผ้าห่มบนโซฟาและมองดูหิมะตกผ่านหน้าต่างกระจกบานเลื่อนบานใหญ่ในห้องนั่งเล่น เธอได้เฝ้าดูเพียงไม่กี่นาทีเมื่อเธอเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินไปที่ประตูกระจกบานเลื่อนโดยมีจุดประสงค์ที่อันตรายถึงตาย เขาเริ่มดึงสิ่งที่แวววาวออกมาจากเสื้อโค้ตของเขา และเธอก็เข้าไปใต้ผ้าห่มด้วยความหวาดกลัว หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ดึงผ้าห่มลงและพบว่าชายคนนั้นหายไปแล้ว เธอเรียกตำรวจซึ่งรีบไปที่เกิดเหตุทันทีเพื่อตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบสถานที่ สิ่งแรกที่พวกเขาสังเกตเห็นคือไม่มีรอยเท้าในหิมะ และด้วยอัตราของหิมะ ไม่มีทางที่พวกเขาจะถูกปกคลุมอย่างรวดเร็ว ด้วยความงงงวย เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่พักและสังเกตเห็นรอยเท้าเปียกบนพรมซึ่งทอดยาวตรงไปยังโซฟาที่หญิงสาวนั่งอยู่ คนบ้าอยู่ข้างหลังเธอตลอดเวลา และสิ่งที่เธอเห็นคือเงาสะท้อนของเขาในหน้าต่าง

2. การค้นพบที่หนาวเหน็บ


เรื่องราวนี้มีหลายเวอร์ชั่น และส่วนใหญ่เริ่มด้วยเด็กสาววิทยาลัยที่เรียนสาย จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ในห้องสมุดแทนห้องพักในหอพักของเธอ ในช่วงดึกของการเรียน เธอรู้ว่าเธอลืมบางอย่างในหอพักของเธอ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเดินทางกลับเพื่อไปเอามัน เมื่อเธอเปิดประตูเข้าไป เธอพบว่าห้องนั้นมืด แต่คิดว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอกำลังหลับอยู่หรือกำลังเรียนหนังสือเหมือนเธอ ไม่อยากรบกวนเธอในกรณีที่เธอหลับ เธอปิดไฟ คว้าสิ่งที่ต้องการแล้วเดินกลับไปที่ห้องสมุด เมื่อกลับมาที่ห้องของเธอ เธอพบว่าเพื่อนร่วมห้องของเธอนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับคอที่กรีด แต่ที่แย่ที่สุดคือข้อความที่เขียนด้วยลิปสติกบนกระจกห้องน้ำที่อ่านง่าย ๆ ว่า “คุณไม่ดีใจเหรอที่ไม่ติดไฟ” ในอีกเวอร์ชั่นหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ตามลำพังใน อพาร์ตเมนต์กับลูกสุนัขของเธอ คืนหนึ่งเธอหลับสนิทเมื่อเธอตื่นขึ้นด้วยเสียงแปลกๆ เพื่อสร้างความมั่นใจ เธอเอื้อมมือลงไปที่ที่ลูกสุนัขนอนอยู่ข้างเตียงและรู้สึกว่ามันเลียมือของเธอ ด้วยความพอใจ นางก็กลับเข้านอนอย่างสงบสุข เช้าวันรุ่งขึ้น เธอพบว่าสุนัขถูกแขวนคอในห้องอาบน้ำ บนพื้นข้างเตียงของเธอมีข้อความว่า “มนุษย์ก็เลียได้เช่นกัน”

3. เหตุการณ์เสื้อโค้ตที่โชคร้าย


ตำนานเมืองนี้เริ่มต้นในวันฤดูหนาวที่หนาวเย็นกับคู่หนุ่มสาวที่กำลังจัดงานเลี้ยงที่บ้านสำหรับลูกใหม่ของพวกเขา แขกเริ่มออกจากที่เย็น และในขณะที่พวกเขาได้รับการต้อนรับจากเจ้าภาพ พวกเขาโยนเสื้อคลุมลงบนเตียงที่อยู่ใกล้กับห้องนั่งเล่นหลัก มันเพิ่งเริ่มด้วยเสื้อโค้ทหรือสองโค้ต แต่เมื่อมีคนเห็นเสื้อโค้ทตัวหนึ่ง ทุกคนก็เริ่มเพิ่มเข้าไปในกอง ไม่นานนักแขกทุกคนก็มาถึงและทุกอย่างก็เต็มไปหมด พ่อแม่ตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะอวดลูกน้อยใหม่ให้แขกรับเชิญ ท้ายที่สุด เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติ ดังนั้นแม่จึงเดินไปที่เตียงที่เธอทิ้งลูกไว้—เพียงเพื่อกรีดร้องด้วยความสยดสยองเมื่อพบว่าห่อความสุขเล็กๆ น้อยๆ ของเธอถูกห่อหุ้มไว้โดยบังเอิญภายใต้กองเสื้อโค้ตสูงตระหง่าน

4. พนักงานปั๊มน้ำมัน


ดึกแล้วและหญิงสาวคนหนึ่งกำลังขับรถผ่านพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยที่อยู่ลึกเข้าไปในประเทศ รถของเธอเก่าและใช้งานไม่ได้ และในไม่ช้าเธอก็รู้ว่าจะต้องหยุดรถเพื่อเติมน้ำมันในไม่ช้านี้หากเธอไม่ต้องการเริ่มเดิน โชคดีที่เธอเจอปั๊มน้ำมันเก่าซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกหน่อยตามถนน มันเป็นสถานีที่ล้าสมัย แบบเดียวกับพนักงานเสิร์ฟที่ออกมาสูบน้ำมัน และบางอย่างเกี่ยวกับสถานีนั้นก็ได้ส่งเสียงเตือนดังขึ้นในหัวของเธอ แต่เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถไปได้ไกลกว่านี้ถ้าไม่ได้เติมน้ำมัน เธอจึงดึงเข้าไปในปั๊มน้ำมันอย่างไม่เต็มใจและขอให้พนักงานเติมน้ำมันให้เต็มถัง ผู้ดูแลดูประหม่าเมื่อเขาเติมน้ำมันในถังน้ำมันของเธอ แต่ในที่สุดเขาก็ทำงานเสร็จ และมาที่ฝั่งคนขับเพื่อรับเงิน เธอให้บิล 20 ดอลลาร์แก่เขาและเขาตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วบอกเธอว่าเป็นของปลอม เมื่อถึงจุดนี้ ระฆังเตือนก็ไม่ดังขึ้นอีกต่อไป—มันกำลังก่อจลาจล พนักงานอธิบายว่าเขาจะต้องพาเธอกลับไปที่สำนักงานและโทรหาผู้จัดการของเขา เพราะของปลอมจะต้องได้รับการรายงานไปยังธนาคาร เมื่อเขาเกลี้ยกล่อมให้เธอมากับเขา เขาอธิบายว่าใบเรียกเก็บเงินไม่ใช่ของปลอม เขาพาเธอออกจากรถเพราะมีชายคนหนึ่งถือขวานซ่อนอยู่ที่เบาะหลัง

5. "เบ็ด"


Amherst, Massachussetts, 1973: คืนนี้ โธมัส ดี. มีนัดเดท และเขารู้ดีว่าจะพาเมลานีไปที่ไหน: หลังป่าในเขตชานเมืองเป็นทุ่งโล่งเงียบสงบเหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นเขาจึงรับคนรักของเขาในรถและจอดรถอย่างเงียบ ๆ ในที่โล่ง โดยปล่อยให้วิทยุในรถทำงาน ทันใดนั้น เพลงก็หยุดลงและมีข่าวด่วนออกอากาศทางวิทยุ: ฆาตกรหนีออกจากโรงพยาบาลซึ่งอยู่ห่างจากแอมเฮิร์สต์ไม่กี่ไมล์ ผู้นำเสนอให้คำอธิบายที่ค่อนข้างคลุมเครือ แต่ก็ยังระบุว่าชายที่อันตรายมากคนนี้มีขอเกี่ยวที่แขนขวาของเขา ด้วยความกลัว เมลานีจึงขอให้โธมัสพาเธอกลับบ้าน หมดคำถามสำหรับวัยรุ่นที่ตั้งใจจะโชว์ว่าไม่กลัวอะไรเลย ขณะที่เขาโน้มตัวเข้าไปจูบเธอ กิ่งไม้ที่แตกร้าวทำให้พวกเขากระโดด เมลานีก็ทำให้ "คู่เดท" ของเธอเข้าใจทันทีว่าคราวนี้ถึงเวลากลับบ้านแล้ว เขาถอยหลังอย่างไม่เต็มใจและออกเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังใจกลางเมือง เมื่อมาถึงหน้าบ้านของเมลานี คนหลังก็ลงจากรถและเริ่มกรีดร้องอย่างควบคุมไม่ได้ โธมัสรีบวิ่งไปหาเธอและค้นพบสิ่งที่ทำให้เธออยู่ในสภาพนี้: ตะขอเกี่ยวที่เปื้อนเลือดแกว่งไปมาอย่างแผ่วเบาเมื่อแขวนอยู่บนมือจับรถ

6. "เพื่อนบ้าน"


ภูมิภาคปารีส ปี 2015: หลังจากใช้เวลานานหลายเดือนในการค้นหาอพาร์ตเมนต์ Lucien เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ในอาคารของเขา Lucien เพิ่งได้รับการติดตั้งใหม่อย่างสบายใจในบ้านใหม่ของเขา คืนหนึ่งมีคนมาเคาะประตูบ้านเขา เขาลุกขึ้นและเดินไปเปิดมัน ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นและถามเธอว่าเธอสามารถค้างคืนที่บ้านของเขาได้หรือไม่เพราะคู่ของเธอตีเธอ Lucien ค่อนข้างแปลกใจและสงสัย ผู้หญิงคนนั้นให้ความมั่นใจกับเขาโดยบอกว่าเธอโทรหาครอบครัวของเธอแล้ว และพวกเขาจะมารับเธอแต่เช้า ชายหนุ่มมอบผ้าห่มให้เธอและขอค้างคืนบนโซฟา เมื่อเธอตื่นขึ้น ผ้าห่มก็พับอยู่บนโซฟาและหญิงสาวก็หายไป เขาเตรียมตัวและไปทำงาน เย็นวันต่อมา เราเคาะประตูบ้านเขาอีกครั้ง ผู้หญิงคนเดียวกันอยู่ที่ประตูของเธอ แต่คราวนี้เธอถูกต่อยที่หน้า เธอขอการต้อนรับจากเขาครั้งที่สอง รับไม่ได้ Lucien เสนอให้นอนที่เดิมเมื่อวันก่อน เมื่อเช้าเธอไม่อยู่แล้ว ม้าหมุนรอบเดียวกันจะเล่นซ้ำตลอดทั้งสัปดาห์ กังวล ชายหนุ่มไปที่สถานีตำรวจเพื่ออธิบายสถานการณ์ ตัวแทนแสดงรูปถ่ายที่เขาจำผู้หญิงคนนั้นได้ ตำรวจบอกเธอว่าผู้หญิงคนนี้ถูกสามีทุบตีจนตายในอพาร์ตเมนต์ของเธอ และเสียชีวิตด้วยอาการบาดเจ็บเมื่อหลายเดือนก่อน

7. ลาก่อน


ฉันพบเรื่องนี้จากไดอารี่ของเพื่อนบ้านเก่าที่เสียชีวิตซึ่งอาศัยอยู่ตามลำพังมาหลายปี: “ฉันรีบไปรับลูกชายที่โรงเรียน วันนั้นการจราจรค่อนข้างคล่องตัว บนถนนของฉันไม่มีอะไรเลย ยกเว้นไฟแดงสองสามดวง เป็นเวลานานพอสมควรแล้วที่ฉันรอที่ไฟแดงเมื่อฉันสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันไม่รู้ว่าเธอยืนจ้องฉันอยู่นานแค่ไหน แต่เมื่อฉันไม่สามารถละสายตาได้ เธอมองมาที่ฉันอย่างบ้าคลั่งและโบกมือมาหาฉัน ลูบผมที่ศีรษะของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ฉันคิดว่าลูกชายตัวน้อยของเธอสวมเสื้อผ้าสีน้ำตาลหลวม ๆ และหน้ากากแพะสีดำ มันเป็นชุดแปลก ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สวมชุดหลังวันฮัลโลวีนหรือไม่? เขาเองก็โบกมือมาทางฉันและจ้องมาที่ฉันผ่านหน้ากากที่น่ารำคาญนั้น แต่การเคลื่อนไหวของเขาดูอึดอัดและถูกบังคับ ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นสามารถมองทะลุผ่านตัวฉัน และฉันแทบจะสัมผัสได้ถึงร่างกายที่เธอจ้องมองมาที่ฉัน เธอไม่แม้แต่จะกระพริบตา ฉันรู้สึกเปลือยเปล่าและเครียดมาก และดวงตาของเด็กชาย พระเจ้า ดวงตาของเด็กชายกำลังอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ ผู้หญิงคนนั้นเริ่มใจร้อน โบกมือแรงขึ้นทุกวินาที ฉันมองออกไป ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันก็กลัว ฉันจำเป็นต้องวิ่งหนี เมื่อไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว ซึ่งดูเหมือนชั่วนิรันดร์ ข้าพเจ้าก็ขับรถออกไป ฉันไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมอง ฉันคิดว่าไม่มีอะไรจะน่ากลัวไปกว่าช่วงเวลานี้ จากนั้นฉันก็ไปโรงเรียนและพวกเขาบอกฉันว่าลูกชายของฉันไม่อยู่ที่นั่น พวกเขาบอกฉันว่าภรรยาของฉันได้รวบรวมมันแล้ว ฉันไม่มีภรรยา พวกเขายื่นโน้ตให้ฉัน โดยบอกว่าเธอขอให้พวกเขาส่งให้ฉัน ไม่มีคำอธิบายว่าอ่านแล้วรู้สึกอย่างไร “อย่าพูดว่าฉันไม่ได้ให้โอกาสเธอบอกลาเขา”

8. นางขาว


เราเริ่มต้นด้วยตำนานเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่ง อันนี้ดีมากเพราะมันมาใน 50 เวอร์ชั่นที่แตกต่างกันและในหลาย ๆ ที่ ในระยะสั้นเราสามารถพบผู้หญิงผิวขาวทั่วทุกที่ ตามเวอร์ชั่นที่เราพบบ่อยที่สุด ผู้หญิงผิวขาวคือหญิงสาวในชุดขาวที่โบกรถริมถนน หากคุณพาเธอขึ้นรถ เธอจะเงียบแต่จะเริ่มตื่นตระหนกและหายไปในที่สุดเมื่อเข้าใกล้โค้ง (ที่ซึ่งเธอจะต้องเสียชีวิต) หากคุณตัดสินใจที่จะเพิกเฉยและไม่รับเธอเข้าไป หยุด คราวนี้ก็ตายอย่างมั่นใจ ศีลธรรม นั่งแท็กซี่ หรือหลีกเลี่ยงถนนในชนบทเล็กๆ

9. บลัดดี้ แมรี่


ในตำนานเล่าว่าแมรี่เป็นคุณแม่ยังสาวที่ฆ่าตัวตายในห้องน้ำของเธอหลังจากเสียลูกไป โดยเชื่อว่ามีใครบางคนเป็นต้นเหตุของการตายของลูกของเธอ เธอจึงหลอกหลอนห้องน้ำในทุกวันนี้เพื่อฆ่าคนร้าย ใครก็ตามที่พูดว่า "Bloody Mary" สามครั้งต่อหน้ากระจกและหมุนสามครั้ง จะเห็น Bloody Mary ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา หากบุคคลนั้นเพิ่ม "ฉันฆ่าลูกของคุณ" พวกเขาจะตายเมื่อถูกผีโจมตี ทุกคนที่พยายามถูกพบถูกกรีดคอหน้ากระจก นั่นคือสิ่งที่พวกเขาพูด

10. หญิงชรากับสุนัขของเธอ


หญิงชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ตามลำพังตัดสินใจรับเลี้ยงสุนัขไว้เป็นเพื่อน ทุกคืนก่อนนอน หลังจากปิดไฟแล้ว เธอยื่นแขนให้สุนัขของเธอนอนอยู่ใต้เตียงเพื่อเลียมือของเธอและสร้างความมั่นใจให้กับเธอ เพียงคืนเดียวเท่านั้น หญิงชราตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงหยดน้ำในห้องน้ำ เธอตื่นขึ้นในความมืดเพื่อปิดก๊อกน้ำอย่างเหมาะสมแล้วกลับไปนอน อย่าลืมยื่นมือไปหาสุนัขที่กำลังเลียมันตามปกติ แต่เสียงหยดยังคงมีอยู่ หญิงชราต้องลุกขึ้นอีกครั้งเพื่อปิดก๊อกน้ำให้แน่นขึ้น จากนั้นเธอก็นอนลงและเหยียดมือใต้เตียงเพื่อรับเลียตามปกติ เมื่อตื่นขึ้นครั้งที่สามเพราะเสียงหยด หญิงชราไปเข้าห้องน้ำและเปิดไฟ เสียงหยดจากสุนัขของเขา คอของเขาบาดเหนืออ่างอาบน้ำซึ่งทำให้เลือดของเขาไหลออก แล้วใครนอนอยู่ใต้เตียง? เราไม่มีคำตอบและเราไม่ต้องการมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดูเหมือนว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเพื่อนบ้านของลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเราจากวิทยาลัย

11. คุจิซาเกะ-อนนะ


เรื่องนี้เป็นหนึ่งในตำนานผีญี่ปุ่น หญิงสาวที่สวยงามและหยิ่งผยองแต่งงานกับซามูไรที่มีอายุมากกว่า และเธอก็นอกใจเขา วันที่สามีของเธอรู้ เขากรีดปากของเธอให้เปิดหูของเธอเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าเธอสวยอีกเลย วันนี้คุณสามารถข้ามเธอได้เมื่อเดินคนเดียวในถนนที่มืดมิด เธอเดินขึ้น ปิดใบหน้าส่วนล่าง แล้วถามว่า "คุณว่าฉันสวยไหม" " ถ้าคนตรงหน้าตอบว่าใช่ เธอเจอรอยกรีดปากแล้วถามเหมือนเดิมว่า " แล้วตอนนี้เธอคิดว่าฉันสวยไหม? “ถ้าคำตอบคือไม่ใช่ คุจิซาเกะ-ออนนะจะฆ่าเหยื่อทันที หากคำตอบคือใช่ เธอตามเหยื่อกลับบ้านไปแทงเธอที่หลังประตูบ้าน หรือมอบทับทิมสีแดงเลือดให้กับผู้โชคดี . โดยทั่วไปจะเป็นการดีกว่าที่จะหลีกเลี่ยงการข้าม

12. การทดลองการนอนหลับของรัสเซีย


ในปีพ.ศ. 2483 นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ขังนักโทษการเมือง 5 คนไว้ในห้องดักฟังเพื่อทำการทดลอง โดยชายทั้งห้าคนจะถูกปลุกให้ตื่นด้วยแก๊สและจะนอนไม่หลับอีกต่อไป ในช่วงห้าวันแรก นักโทษจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของพวกเขาให้กันและกันฟังอย่างละเอียด แต่ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่หกเท่านั้น ที่เงียบสนิท ยกเว้นเสียงพึมพำเล็กน้อยเป็นครั้งคราว ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้ถูกทดสอบยังมีชีวิตอยู่ หลังจากผ่านไปสิบวัน นักวิทยาศาสตร์ต้องการดูสิ่งที่เกิดขึ้นและเปิดประตู ที่นั่น พวกเขาได้พบกับภาพที่น่าสยดสยอง: นักโทษได้ทำร้ายตัวเองและกินเนื้อของพวกเขาเอง ทหารถูกเรียกตัวไปส่งคนเหล่านี้ไปที่โรงพยาบาล แต่นักโทษก็โกรธจัดและฆ่าทหารหลายคนด้วยกำลังเหนือมนุษย์ พวกเขาสองคนถูกยิงและคนอื่นๆ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อขอแก๊สที่ทำให้พวกเขาตื่น ที่นั่น แพทย์ชาวรัสเซียคนหนึ่งไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ถามนักโทษคนหนึ่งว่าเขาเป็นใคร และชายคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้มที่ซีดเซียว:“ เราคือคุณ เราคือความบ้าคลั่งที่สถิตอยู่ในตัวคุณและทำให้คุณเงียบเมื่อคุณเข้าร่วมการหลับใหลซึ่งเราไม่สามารถติดตามคุณได้ "

13. เพื่อนบ้าน


ชายคนหนึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาพักอาศัย ในเย็นวันแรก เขาได้ยินเสียงเคาะประตูบ้าน เพื่อนบ้านคนหนึ่งถามเขาว่าเขาจะนอนค้างเธอสักคืนได้ไหมเพราะสามีของเธอตีเธอและเธอกลัว ในขณะที่เขาปฏิเสธไม่ได้ เขาเสนอให้นอนบนโซฟา เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเธอตื่นขึ้น เพื่อนบ้านก็ออกไปแล้ว เย็นวันที่สอง เธอเคาะประตูบ้านเขาอีกครั้ง เธอถามเขาแบบเดียวกับเมื่อวันก่อน และเนื่องจากเธอมีรอยฟกช้ำใหม่บนใบหน้าของเธอ ชายคนนั้นจึงเห็นด้วย เช้าวันรุ่งขึ้นเธอไปแล้วเมื่อเขาตื่นขึ้น และสถานการณ์นี้ซ้ำอีกสามครั้ง ชายคนนั้นต้องการไปที่สถานีตำรวจเพื่อประณามสามีของเพื่อนบ้าน ที่นั่น ตำรวจคนหนึ่งซึ่งดูไม่แปลกใจเลยเอารูปถ่ายของหญิงสาวที่ชายคนนั้นจำได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านของเขาให้เขาดู ตำรวจจึงบอกเธอว่าเธอถูกสามีทุบตีฆ่าเมื่อปีก่อน

14. เพลงของ Lavanville


ในตลับแรกของเกมโปเกมอนในญี่ปุ่น เพลงของ Lavanville ซึ่งมีผีโปเกมอนอาศัยอยู่ จะทำให้เด็กหลายร้อยคนฆ่าตัวตาย คนอื่นจะมีพฤติกรรมแปลก ๆ หรือบ่นว่าปวดหัว มันยังบอกด้วยว่าในเวอร์ชั่นแรก เราสามารถเผชิญหน้ากับผีลึกลับชื่อ "731" ในการต่อสู้ที่มีการถ่ายทอดภาพศพที่อ่อนเกิน โชคดีที่เราไม่มีสิ่งนั้นในเวอร์ชันยุโรป ดังนั้นเราจึงสามารถเล่นต่อไปอย่างเงียบ ๆ ได้

15. เดอะกริฟเตอร์


ในทำนองเดียวกัน วิดีโอนี้เป็นที่รู้จักกันดีบนอินเทอร์เน็ตด้วยเหตุผลง่ายๆ ประการหนึ่ง คือ คนที่ดูบ่นว่าฝันร้ายและกำลังจะเป็นบ้า และคนอื่นๆ ถึงกับฆ่าตัวตาย ไม่มีใครอยากบอกว่ามีอะไรในวิดีโอเพราะเนื้อหาทำให้พวกเขาบอบช้ำ มีการโพสต์เวอร์ชันต่างๆ บน Youtube แล้ว แต่ต่างจากเวอร์ชันจริงที่ทำให้คุณคลั่งไคล้หาในเว็บได้ยาก หากคุณยังคงต้องการลองใช้ ให้ค้นหา "the grifter" ทางออนไลน์ แต่เราได้เตือนคุณแล้ว

16. พี่เลี้ยงกับผู้ชายบนบันได


เย็นวันหนึ่งนักเรียนอเมริกันคนหนึ่งมาถึงบ้านของครอบครัวเพื่อดูแลเด็ก ก่อนออกเดินทาง พ่อแม่บอกเขาว่าลูกสองคนนอนอยู่บนนั้นแล้ว และไม่จำเป็นต้องปลุกพวกเขา หลังจากที่พวกเขาจากไปไม่นาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้น นักเรียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและได้ยินเสียงลึกๆ พูดว่า “คุณไปดูว่าเด็กๆ สบายดีไหม” “คิดว่าเป็นเรื่องตลก หญิงสาวจึงวางสายโดยไม่ได้เช็ค หนึ่งชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวก็ได้ยินแบบเดียวกัน เธอถามว่าใครอยู่ในสาย แต่คนๆ นั้นวางสาย กังวลใจจึงโทรหาเจ้าหน้าที่ ตำรวจที่บอกเธอว่าต้องล้อเล่น แต่ชั่วโมงต่อมา ชายคนนั้นโทรมาถามอีกครั้งว่าเธอเคยไปดูว่าลูกๆ สบายดีไหม เธอโทรแจ้งตำรวจอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เอาจริงเอาจังกับเธอและถามเธอ ให้นั่งคุยโทรศัพท์นานขึ้นในครั้งต่อไปเพื่อค้นหาสาย เมื่อชายผู้นั้นโทรกลับเด็กสาวไม่รับสายเพื่อให้การสื่อสารเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเขาก็วางสาย โทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นตำรวจที่สั่ง ให้ออกไปทันที มีเสียงเรียกจากในบ้าน เมื่ออยู่ข้างนอก ตำรวจมาหยุดผู้บุกรุก เลือดท่วมตัว ของลูกๆ

17. ตุ๊กตา


เป็นเรื่องราวของแม่ที่พาลูกสาวไปตลาดนัด ขณะเดินไปตามทางเดิน เด็กหญิงสังเกตเห็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบสวยสภาพดี และขอซื้อจากแม่ของเธอ แม่ถามราคาจากผู้ขายและซื้อตุ๊กตาตัวเล็กๆ ให้ลูกสาว กลับบ้าน เด็กสาวเริ่มเล่นกับตุ๊กตาตัวใหม่ของเธอ ตุ๊กตาแสนสวยในชุดสีชมพู ตาสีฟ้าและผมสีบลอนด์ ในมือข้างหนึ่งเธอถือร่มกันแดดสวยๆ และอีกมือหนึ่งชูสองนิ้ว แม่ซึ่งมีงานทำอย่างอื่นทำ ทิ้งลูกสาวไว้ที่บ้านตามลำพังประมาณหนึ่งชั่วโมง ขณะที่เธอไปซูเปอร์มาร์เก็ตในท้องถิ่น เด็กน้อยยังคงอยู่คนเดียวในห้องของเธอ เล่นกับตุ๊กตาของเธอ ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และลงไปที่ห้องอาหารเพื่อรับสาย "อย่าเล่นกับตุ๊กตาหลังเที่ยงคืน!" »เสียงสั่งเขาก่อนวางสาย เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ กลับมาที่ห้องด้วยความตกใจและวางตุ๊กตาไว้ที่ก้นกล่องของเล่น แม่ของเธอกลับมาบ้านช้ากว่าปกติ และเด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้บอกเธอเกี่ยวกับโทรศัพท์หรือตุ๊กตาของเธอ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ จนถึงวันเสาร์ถัดไป อันที่จริง แม่ได้รับเชิญให้ไปงานปาร์ตี้ และเนื่องจากเธอไม่พบคนเลี้ยงเด็ก เธอจึงตัดสินใจทิ้งลูกน้อยไว้ที่บ้านตามลำพัง ดังนั้นเธอจึงขับรถออกไปและพักค้างคืนในค่ำคืนอันโด่งดังนี้ เมื่อเธอกลับถึงบ้านในตอนตีหนึ่ง เธอตัดสินใจไปดูห้องของลูกสาวเพื่อดูว่าเธอหลับอยู่หรือไม่ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ จนถึงวันเสาร์ถัดไป อันที่จริง แม่ได้รับเชิญให้ไปงานปาร์ตี้ และเนื่องจากเธอไม่พบคนเลี้ยงเด็ก เธอจึงตัดสินใจทิ้งลูกน้อยไว้ที่บ้านตามลำพัง ดังนั้นเธอจึงขับรถออกไปและพักค้างคืนในค่ำคืนอันโด่งดังนี้ เมื่อเธอกลับถึงบ้านในตอนตีหนึ่ง เธอตัดสินใจไปดูห้องของลูกสาวเพื่อดูว่าเธอหลับอยู่หรือไม่ หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยไม่มีปัญหาใดๆ จนถึงวันเสาร์ถัดไป อันที่จริง แม่ได้รับเชิญให้ไปงานปาร์ตี้ และเนื่องจากเธอไม่พบคนเลี้ยงเด็ก เธอจึงตัดสินใจทิ้งลูกน้อยไว้ที่บ้านตามลำพัง ดังนั้นเธอจึงขับรถออกไปและพักค้างคืนในค่ำคืนอันโด่งดังนี้ เมื่อเธอกลับถึงบ้านในตอนตีหนึ่ง เธอตัดสินใจไปดูห้องลูกสาวเพื่อดูว่าเธอหลับอยู่หรือไม่ เธอเปิดประตูและกรีดร้อง ลูกสาวของเธอนอนอยู่บนพื้นโดยถูกกรีดคอ กล่องของเล่นเปิดอยู่ และถัดจากนั้นคือตุ๊กตากระเบื้อง แม้จะมีการสอบสวน ตำรวจไม่พบร่องรอยของการบุกรุกหรือฆาตกร แม่โมโหเจ็บ ตัดสินใจขายตุ๊กตาลูกสาว ซึ่งตอนนี้ชูสามนิ้วได้แล้ว

18. ศพในที่นอน


มาเถอะ เรามาจบกันที่สนุกกว่านี้หน่อยเถอะ เพราะมันเป็นความจริงบางส่วน ชายคนหนึ่งหลังจากพักค้างคืนที่ห้องพักในโรงแรมแล้วไปบ่นที่แผนกต้อนรับ: ห้องมีกลิ่นเหม็น พนักงานจึงมั่นใจว่าจะทำทุกอย่างเพื่อขจัดกลิ่นในห้องนี้ ที่นั่นพวกเขาเริ่มทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม แต่กลิ่นเหม็นยังคงอยู่ มีเพียงคนเดียวที่พลิกฟูกที่นอนหนาทึบจนเข้าใจ มีศพซ่อนอยู่ในนั้น ชายคนนั้นหลับไปทั้งคืนโดยมีคนตายอยู่ข้างใต้เขา อันที่จริงมันเคยเกิดขึ้นมาก่อนและหลายครั้ง

19. แหวนต้องสาป


เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามจะแทงแหวนที่เป็นของศพของหญิงชราคนหนึ่ง ปัญหา: เป็นไปไม่ได้ที่จะหยิบมันออกมาโดยไม่ตัดนิ้วของคุณ ... เรื่องนี้ค่อนข้างคล้ายกับการแนะนำแนวคิดของการแสดงละครของเรา อันที่จริง เคล็ดลับในการสร้างความหวาดกลัวที่ดีคือการใช้ประโยชน์จากความมืดเพื่อลูบนิ้วชี้ของใครบางคนเมื่อร้องว่า "เอาแหวนของฉันคืนมา!

20. ชุดเปื้อนเลือด


เรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บขณะทำอาหารและมีเลือดเปื้อนเสื้อผ้าของเธอ อยู่แล้วมันไม่เจ๋ง แต่ส่วนที่แย่ที่สุดคือเสียงที่ปลายสายบอกเธอว่าเธอมีเวลาถึงเที่ยงคืนเพื่อขจัดคราบ มิฉะนั้น ... ซื้อ Mir express ไม่มีการปฏิเสธ พวกเขารู้เรื่องคอมฯ ที่ยูนิลีเวอร์อยู่บ้าง

21. The Ghosts Of The Ancient Ram Inn


จำได้ไหมว่าเจ้าของโรงแรมใน The Shining สร้างสวรรค์ในวันหยุดของพวกเขาไว้เหนือสุสานอินเดียโบราณ แล้วทำท่าประหลาดใจเมื่อกลายเป็นผีสิง? เจ้าของ Ancient Ram Inn ใน Gloucestershire ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โรงแรมแห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ซึ่งเคยถูกกล่าวหาว่าเคยใช้ทำพิธีบูชายัญเด็ก ด้วยเหตุนี้ โรงแรมแห่งนี้จึงถูกกล่าวขานว่าเป็นโรงแรมที่มีผีสิงมากที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ ไฟเรืองแสงแปลก ๆ ปรากฏขึ้นที่ทางเดิน การปรากฏตัวของผีคืบคลานขึ้นและลงบันได ผู้คนถึงกับบอกว่าพวกเขาได้พบกับซัคคิวบัสขณะพักค้างคืน แต่สิ่งนี้ไม่ได้มีอะไรอยู่ในห้องของอธิการ ห้องนอนที่มีเพดานต่ำที่ด้านหลังโรงแรมพูดกันว่าห้องนี้จะทำให้ใครก็ตามที่ก้าวเข้ามาข้างในด้วยความรู้สึกหวาดกลัว เป็นที่ทราบกันดีว่านักบวชปฏิเสธที่จะเข้าห้อง แปดคนที่นอนอยู่ที่นั่นต้องการการไล่ผีตามเจ้าของคนปัจจุบัน

22. หมา


"ไม่ใช่แค่สุนัขที่เลียได้" การประกาศการล่มสลายที่เรียบง่ายนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะปลุกความทรงจำเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในวัยเด็กที่หนาวเหน็บที่สุดของเราโดยไม่ตั้งใจ ที่นี่ไม่มีผีหรือสิ่งเหนือธรรมชาติ มีแต่คนโรคจิตที่แต่งหนังสุนัข โบนัสคำบรรยายเล็กน้อย: อย่าลังเลที่จะบอกว่ามันเกิดขึ้นใน Yonne คุณจะได้รับความน่าเชื่อถือที่นั่น

23. ตุ๊กตานักฆ่า


ในยุค 90 เราได้รับการปฏิบัติต่อชัคกี้และ ... ชัคกี้ 2, 3, 4 หุ่นเหมือนสเต็กและมันฝรั่งทอดของพวกประหลาด มันไม่ใช่จุดสูงสุดของการปรับแต่ง แต่ยังคงเป็นค่าที่แน่นอน เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ได้รับตุ๊กตาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะด้วยมือขวาของเธอ ซึ่งเป็นของเล่นที่เธอไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นหลังเที่ยงคืน หากคุณอ่านชื่อเรื่องแล้ว เดาได้ง่าย ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ตอนจบของเรื่อง ตุ๊กตากลับมาที่ร้านแล้ว แต่คราวนี้ยกสามนิ้ว

24. ผีกับไก่บิด


ผู้ถือมาตรฐานยุคฉี่ปู๋! พารากอนของอารมณ์ขันทั้งหมดมีน้ำพุอารมณ์ขันเกือบทั้งหมดสำหรับเด็กอายุ 4-7 ปี ชาวฝรั่งเศส ชาวเบลเยียม และชาวอเมริกัน คำว่า "quéquette" และการร่วงหล่นลงมาเล็กน้อย ยังไม่ต้องโกหก แค่คิดก็ยิ้มได้

25. เมื่อเด็กถ่ายรูปผีทหารสงครามโลกครั้งที่ 1


มิทช์ โกลเวอร์ วัย 14 ปี ถูกโรงเรียนพาตัวไปในฝรั่งเศส และได้ไปเยี่ยมสุสานทหารชาวสก็อตที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาอาจจะยุ่งกับเพื่อนสุดเท่ของเขาในขณะที่ถ่ายรูปด้วย iPhone เพื่อแสดงให้พ่อแม่เห็นว่าเขาฝึกฝนตัวเองอย่างไร แล้วในภาพถ่ายเหล่านั้น มีบางอย่างที่แปลก ประหลาดมาก แม้กระทั่ง คล้ายกับผีของทหารสก็อตในกระโปรงสั้น บอกได้คำเดียวว่าหวั่นไหว

26. อ่า แล้วถ้าไม่ใช่ คุณอยากเห็นจิม มอร์ริสันอีกไหม?


Brett Meisner เป็นนักประวัติศาสตร์ร็อคที่มีชื่อเสียงพอสมควร ในปี 1997 เขาไปที่Père Lachaise เพื่อทักทาย Jim Morrison อดีตนักร้องวง The Doors ที่เสียชีวิตลงมากและอยู่พักหนึ่ง เขาถ่ายรูปหน้าหลุมศพเหมือนคนอื่นๆ แล้วเขาก็มีความคิดโบราณที่พัฒนาขึ้น แล้วที่นั่นเขามีเซอร์ไพรส์ เพราะในภาพของเขา เราแค่เห็นจิม มอร์ริสันส่ายสะโพก จนถึงขณะนี้ เรายังไม่สามารถพิสูจน์การตัดต่อภาพได้

27. เรื่องผีอีกเรื่อง


รู้จักกันน้อย คราวนี้และเก่ากว่า ในปีพ.ศ. 2489 ผู้หญิงชาวออสเตรเลียที่ดีมากคนหนึ่งไปเยี่ยมหลุมศพของลูกสาว (ใช่ เธอตายแล้ว ไม่ใช่ว่าแม่เป็นคนสายตายาวมาก) จากนั้นเธอก็ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก อาจเป็นเพราะว่าในช่วงทศวรรษ 1940 ในออสเตรเลียคงจะรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ชมภาพหลุมศพของลูกสาว แม่นางแอนดรูว์อยู่คนเดียวหน้าหลุมศพ อย่างไรก็ตาม ในภาพ เราเห็นสาวน้อยได้ชัดเจนมาก ชัดเจนมากมาก

28. เมื่อผู้ชายฆ่าที่Père Lachaise


เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2014 ที่ Père Lachaise เอริคกำลังเดินเล่น เอริคไม่ได้มีชีวิตที่ง่ายดาย ถูกพ่อทุบตีและข่มขืน และ DDASS ก็ไม่ช่วยให้เขาฟื้น แต่แล้วเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2014 เขาตัดสินใจโดยไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะเอาชนะนักประวัติศาสตร์คนหนึ่งซึ่งทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครมัคคุเทศก์ให้กับนักท่องเที่ยว ท้ายที่สุด โดยไม่มีเหตุผล: ไกด์ที่มีปัญหาไปที่จุดนัดพบเกย์ในสุสานเป็นประจำ เช่นเดียวกับเอริคที่ไม่ยอมรับการรักร่วมเพศของเขาแต่มีแรงดึงดูดที่น่ารังเกียจสำหรับรสนิยมทางเพศที่ถูกกดขี่ข่มเหง

29. ฆ่าในวงจรไฟฟ้าลัดวงจร


ในเดือนพฤศจิกายน 2011 ผู้คนที่เดินผ่านไปมาพบร่างของหญิงสาวอายุ 23 ปีล้มลงที่หลุมศพใน Val d'Oise หลุมศพนี้เป็นหลุมศพของเพื่อนของเขา ถูกฆ่าด้วยไม้เบสบอลเมื่อสองปีก่อน หญิงสาวรายนี้ยังประสบกับความรุนแรงมหาศาลและการฆาตกรรมของเธอเกิดขึ้นในสุสานอย่างเห็นได้ชัด

30. เมื่อผู้คุมสุสานค้นพบการฆาตกรรม


ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งกล่าวว่าเขาทำงานในปี 1970 ร่วมกับเพื่อนคนหนึ่งของเขาในสุสานเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียน ในบรรดารูปปั้นวูดูอื่น ๆ ตุ๊กตาที่ถูกไฟไหม้ที่ก่อกวน ตุ๊กตาสัตว์ และสิ่งแปลก ๆ อื่น ๆ ที่พบใกล้หลุมฝังศพ เขาเคยพบศพเปลือยของผู้หญิงคนหนึ่งถูกรัดคอใกล้หลุมศพและติดตั้ง แขนพับราวกับว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว ในโลงศพ ผู้หญิงคนนั้นถูกทารุณกรรมทางเพศและทำให้เสียโฉมด้วยหมัด ไม่พบเสื้อผ้าของเธอหรือฆาตกรของเธอ พูดได้เลยว่านักศึกษารีบลาออกจากงาน

31. เมื่อพบศพหญิงนั่ง


ในช่วงเช้าตรู่ ระหว่างทางไปยังสุสานที่เขาทำงานอยู่ ผู้ใช้ Reddit อีกคนอ้างว่าเคยเห็นรถจอดอยู่หน้าทางเข้าหลักอย่างไม่เหมาะสม หลังจากผ่านประตูไป เขาก็เห็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนต้นไม้ เขารู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้สวมผ้าพันคอที่รัดคอเขาและเธอมีเลือดล้อมรอบ เหนือสิ่งอื่นใด ศพของเขานั่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับว่ามันถูกวางไว้ในตำแหน่งนี้ หลังจากการสอบสวน ตำรวจพบจดหมายฆ่าตัวตายในรถ: ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งสูญเสียลูกสาวของเธอไป ตำแหน่งของร่างกายของเขาไม่สามารถอธิบายได้

32. ผู้หญิงที่เสียชีวิตในงานศพของเพื่อนเธอ


วันหนึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิต เราจัดระเบียบตัวเอง ในบรรดาผู้จัดงานมีเพื่อนสองคนของผู้เสียชีวิต พี่สาวสองคนที่สนิทสนมกันมาตลอด เช่นเดียวกับลัคกี้ลุคผู้เฒ่าผู้แก่ เมื่อพิธีสิ้นสุดลง ผู้อำนวยการงานศพรู้สึกประหลาดใจที่พี่สาวทั้งสองยังคงนั่งชิดกัน แม้ว่าทุกคนจะกลับไปที่รถของตนแล้วก็ตาม เขาสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์: พี่สาวคนหนึ่งบอกเขาว่าอีกคนเสียชีวิตระหว่างพิธีและเธอไม่ได้พูดอะไรเพื่อไม่ให้งานศพของเพื่อนเสียหาย

33. ดอกไม้นิรันดร์


งานหนึ่งของผู้ดูแลสุสานคือการเปิดห้องนิรภัยอีกครั้งเพื่อให้ผู้ตายรายใหม่เข้าร่วมกับผู้อาวุโสได้ โดยทั่วไป ก่อนที่ประตูทางเข้าจะถูกปิดสนิท ห้องใต้ดินจะถูกประดับประดาด้วยดอกไม้หรือของใช้ส่วนตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้ใช้ Reddit เล่าว่าได้เปิดห้องฝังศพใต้ถุนโบสถ์ของคู่รักที่เสียชีวิตในทศวรรษ 90 เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับลูก ๆ ของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ดอกไม้ที่วางไว้ที่นั่นในโอกาสนี้มีความสดอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่จางหาย ไม่เหี่ยวเฉาเลย และหลังจากตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นดอกไม้จริง

34. ครอบครัว Perron อ้างว่าความเป็นจริงน่ากลัวกว่าในหนังมาก


ธุรกิจที่แท้จริงของครอบครัว Perron เริ่มต้นขึ้นในปี 1971 เมื่อ Roger และ Carolyn ตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านไร่เก่าที่พวกเขาเพิ่งซื้อมาในรัฐโรดไอแลนด์ พวกเขามาถึงบ้านใหม่พร้อมกับลูกสาวห้าคน ได้แก่ Andrea, Nancy, Christine, Cindy และ Avril กว่า 40 ปีต่อมา หนัง Conjuring เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ และ Andrea Perron บอกกับผู้สื่อข่าวว่าไม่มีสมาชิกในครอบครัวคนใดกลัวที่จะดูหนังเรื่องนี้เพราะความเป็นจริงน่ากลัวมาก แคโรลีน เพอร์รอน คุณแม่ยังกล่าวอีกว่าฉากซ่อนหานั้นทำได้ดีในหนัง แต่ในชีวิตจริงน่ากลัวกว่ามาก เธอยังปฏิเสธที่จะมาที่กองถ่าย (ในขณะที่สามีและลูกสาวของเธอไปที่นั่น) ด้วยกลัวว่าวิญญาณจะโจมตีเธออีกครั้ง

35. เพื่อนบ้านพยายามเตือนครอบครัวถึงอันตราย


ในขณะที่ยังไม่มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้น Carolyn Perron ได้รับคำแนะนำแปลก ๆ จากเพื่อนบ้านของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาได้รับคำแนะนำให้เปิดไฟทิ้งไว้ในตอนกลางคืนและแม้แต่จะหนีจากที่นี่ไปพร้อมกับครอบครัวของเขา ไม่นานหลังจากนั้น วัตถุก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่มีเหตุผล

36. ตอนแรกวิญญาณดูเหมือนไม่มีพิษภัย


ตามคำให้การของพวกเขา ลูกๆ ของครอบครัว Perron รู้สึกได้ทันทีว่ามีคนอยู่ในบ้าน แต่สาวๆ ไม่กลัวเพราะการปรากฏตัวนี้ดูไม่เป็นอันตราย เห็นได้ชัดว่าผีเหล่านี้พูดกับพวกเขาและจูบพวกเขาที่หน้าผากก่อนจะผล็อยหลับไป ตรงไปตรงมาฉันคงจะกลัวน้อยกว่านั้นมาก

37. วิญญาณอื่นๆ ที่ไม่ค่อยเห็นอกเห็นใจ มาทีหลัง


เมื่อเวลาผ่านไป วิญญาณใหม่เข้ามาแทนที่ภูตผู้อ่อนโยน ตามที่เด็ก ๆ ของ Perron นั่นคือตอนที่พวกเขาเริ่มกลัวจริงๆ วิญญาณบอกพวกเขาถึงร่างของทหารที่จะถูกล้อมอยู่ในบ้าน บางคืน ในเวลาเดียวกัน ตลอดเวลา มีกลิ่นของเนื้อไหม้ในบ้าน ปลุกทั้งครอบครัว สิ่งที่ดูเหมือนจะทำให้เด็กสาวทั้ง 5 คนบอบช้ำมากที่สุดคือจิตใจของชายผู้มุ่งร้าย พวกเขาไม่เคยต้องการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่แสดงตนนี้กับพวกเขา

38. เด็กคนหนึ่งถูกขังอยู่ในหีบ


อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เด็กหญิงทั้งห้ากำลังเล่นซ่อนหา หนึ่งในนั้นตัดสินใจซ่อนตัวในหีบที่ไม่มีตัวล็อคหรือตัวปิดโดยเฉพาะ (หีบธรรมดาที่ยกฝาขึ้น) เมื่อไม่มีใครพบเธอ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ จึงตัดสินใจออกไป แต่เธอรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้: ฝาครอบไม่ยกขึ้นอีกต่อไปและเด็กก็ติดอยู่ในหีบ ไม่ถึง 20 นาทีต่อมา เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง พี่สาวคนหนึ่งก็เข้ามาช่วยเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ โดยเพียงแค่ยกฝาขึ้น ยังไม่มีใครไขปริศนานี้ได้

39. ครอบครัวอยู่ในบ้านเป็นเวลา 9 ปีโดยไม่สามารถจากไปได้


ในภาพยนตร์ Conjuring พวก Warrens อธิบายให้ครอบครัว Perron ฟังว่าการออกจากบ้านไปไม่มีประโยชน์เพราะวิญญาณเลือกที่จะข่มเหงพวกเขา ในความเป็นจริง เหตุผลที่บังคับให้ครอบครัวต้องอยู่นานนั้นเป็นเพียงเรื่องการเงิน ในทศวรรษ 1970 ในสหรัฐอเมริกา ระหว่างรัฐบาลของ Nixon และของ Carter วิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อหลายครอบครัว นอกจากนี้ มูลค่าของบ้าน Perron นั้นถูกลดค่าลงทุกวันเพราะเหตุประหลาดที่เกิดขึ้นที่นั่น ผลลัพธ์: ไม่มีใครต้องการซื้อบ้านหลังนี้ และ Perrons ไม่มีหนทางที่จะอาศัยอยู่ที่อื่นกับลูกทั้งห้าของพวกเขา จนกระทั่งปี 1980 ในที่สุดพวกเขาก็ละทิ้งสถานที่ต้องสาปแห่งนี้เพื่อไปใช้ชีวิตในจอร์เจีย

40. Carolyn Perron เห็นผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนใส่เธอกลางดึก


วันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังจะเข้านอน แคโรลีนเห็นผู้หญิงสวมชุดสีเทาปรากฏตัวใกล้เตียงของเธอ มีรายงานว่าผู้หญิงคนนั้นตะโกนใส่เขาว่า "ไปให้พ้น มิฉะนั้น ฉันจะทำให้คุณกลัวด้วยความตายและความมืด" (คำแปลคร่าวๆ) หลังจากการวิจัยมากมายเกี่ยวกับอดีตผู้อาศัยในบ้าน ตระกูล Warrens และ Perrons ก็สรุปได้ว่าอาจเป็นผีของ Bathsheba Thayer แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์ได้

41. บัทเชบา เธเยอร์ไม่ใช่แม่มดเลย


ในภาพยนตร์เรื่อง Conjuring ผู้หญิงที่ปรากฏตัวในบ้านและจบลงด้วยการเป็นเจ้าของ Carolyn Perron รับบทเป็นแม่มดที่ถูกกล่าวหาว่าเสียสละลูกของเธอให้กับมารก่อนที่จะฆ่าตัวตาย อันที่จริง บัทเชบา เธเยอร์มีอยู่จริง แต่เธอไม่เคยฝึกคาถาหรืออะไรที่ใกล้เคียงเลย เธอเป็นผู้หญิงธรรมดาที่อาศัยอยู่กับสามีในศตวรรษที่ 19 ลูกสามคนในสี่คนของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่มีการเอ่ยถึงการฆาตกรรมหรือการฆ่าตัวตายในจดหมายเหตุ Bathsheba Thayer เสียชีวิตในปี 2428 ด้วยอาการหัวใจวาย

42. เพื่อนของครอบครัวติดต่อ Warrens


Perrons ไม่เคยติดต่อ Ed และ Lorraine Warren เป็น Warrens ที่มาหาพวกเขา เพื่อน ๆ ของครอบครัว Perron ได้เข้าร่วมการประชุมที่จัดโดย Warrens ใน Connecticut และได้พูดคุยกับทั้งคู่ จากนั้นพวกเขาก็พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์แปลก ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเพื่อนของพวกเขาและ Warrens ตอบว่า: "เราต้องไปดูอย่างแน่นอน"

43. The Warrens อาจทำให้แย่ลง


น่าแปลกที่ข้อเท็จจริงในเวอร์ชั่นของครอบครัว Perron และคู่ของ Warren นั้นไม่เหมือนกันเสมอไป บางส่วนของเรื่องบางครั้งไม่สมบูรณ์หรือแตกต่างกันเล็กน้อย ภาพยนตร์เรื่อง Conjuring นั้นเขียนขึ้นโดยอิงจากเหตุการณ์ในเวอร์ชั่นของ Warrens เป็นหลัก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งคู่จัดการเพื่อกำจัดวิญญาณ น่าเสียดายที่อาจไม่ใช่ความจริง ตามคำบอกเล่าของ Perrons พวก Warrens ไม่เคยกำจัดวิญญาณได้จริงๆ และวิญญาณเหล่านั้นก็ยังหลอกหลอนพวกเขาอยู่หลายปีหลังจากที่พวกเขาออกจากบ้าน

44. ศพจริงในบ้านผีสิงปลอม


เราทุกคนต่างมีความคิดนี้เมื่ออายุได้ 10 ขวบ: “คุณลองนึกภาพออกไหมว่าแบบจำลองนั้นมีอยู่จริง และในความเป็นจริง มันจะเป็นความตายจริงๆ หรือไม่? และในปี 1976 ทีมงานทีวีชาวอเมริกันที่ถ่ายทำตอนหนึ่งในบ้านผีสิงในสวนสนุกในแคลิฟอร์เนียก็ได้คำตอบ ระหว่างการถ่ายทำ หุ่นของชายที่ถูกแขวนคอสูญเสียแขนซึ่งพบกระดูกมนุษย์ ในความเป็นจริง ศพนั้นเป็นของอาชญากร Elem McCurdy ซึ่งถูกฆาตกรรมในปี 1911 หลังจากการโจมตีด้วยรถไฟโดยนักล่าเงินรางวัล สัปเหร่อในท้องที่ก็อาบยาพิษและเก็บไว้เป็นผลิตภัณฑ์สาธิตเพราะทำได้ดีมาก จนกระทั่งวันหนึ่ง พี่ชายจอมปลอมของ McCurdy มาอ้างสิทธิ์ในร่างนั้น พี่ชายปลอมเป็นนักแสดงที่ทำให้ร่างกายเป็นส่วนสำคัญของการแสดงบ้านผีสิงของเขา

45. ผู้ชายถูกฝังทั้งเป็น


"คุณลองนึกภาพออกว่าที่จริงแล้วคุณยังไม่ตาย แต่หมอกับหมอคิดผิด แล้วคุณพบว่าตัวเองถูกฝังทั้งเป็น" โอ้ เซรั่ม! " มันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ผู้ชายที่ชื่อ วิลเลียม เทบบ์ ได้บันทึกคดีดังกล่าวมากกว่า 200 คดีในประวัติศาสตร์ล่าสุดเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 ประวัติล่าสุดในขณะนั้น กล่าวคือเมื่อปลายศตวรรษที่ 19 หลังจากนั้นเรา บางครั้งพบร่องรอยของรอยขีดข่วนภายในโลงศพซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีในช่วงเวลาสุดท้ายที่มอบให้กับคนตายในโลกแฟชั่นที่พัฒนาขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ยี่สิบ: โลงศพที่ปลอดภัยรวมถึงเขาบางชนิดหรือระฆังอันทรงพลังเพื่อส่งสัญญาณ คนนั้นยังไม่ตาย (เผื่อไว้)

46. เด็กหญิงถูกแทงในห้องสมุดโดยเด็ดขาดและไม่มีใครเห็นอะไรเลย


คุณเห็นไหม อืม ห้องสมุดอเมริกันที่มีโคมไฟสีเขียว ทางเดินที่ไม่มีที่สิ้นสุด สถานที่อันเงียบสงบ ความเงียบ: ที่ที่เหมาะจะมีเพศสัมพันธ์หรือตายโดยถูกคนบ้าที่ถูกปล่อยในมหาวิทยาลัยแทง และในปี 1969 นักเรียน Betsy Aardsma ถูกแทงขณะที่เธอกำลังปรึกษาหนังสือในอ่าวแห่งหนึ่ง ไม่มีใครเห็นอะไรเลย ไม่มีใครได้ยินอะไรเลย ไม่เคยพบฆาตกร

47. นักฆ่าที่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลายวันก่อนจะฆ่าทั้งครอบครัว


บ้านสามารถถูกผีหลอกหลอนได้ดี เราได้ยินเสียงฝีเท้า เราเห็นสิ่งที่หายไป เราจบลงด้วยการถูกฆ่าโดยคนบ้า ในปี 1922 ชาวนา Andreas Gruber และครอบครัวของเขาได้รับประสบการณ์ตรงนั้น มีขั้นตอนในห้องใต้หลังคา แปลกที่คุณพูดแปลก ๆ ? ตกลง. พวกกรูเบอร์ไม่รับ จากนั้นในวันที่ 31 มีนาคม พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายด้วยขวาน พ่อ แม่ ลูก และหลานๆ แต่ไม่ใช่สัตว์ เราไม่พบฆาตกร

48. หมอผี


ภายใต้หน้ากากของการศึกษาด้านการแพทย์อันยาวนานของเขา ที่จริงแล้วศัลยแพทย์เป็นคนบ้าที่ดำเนินการกับเหยื่อของเขาโดยมีวัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวในการรวบรวมอวัยวะของพวกเขา ใช่มันเป็นไปได้ ตัวอย่างเช่น ศัลยแพทย์ Glen Tucker เกือบจะบรรยายถึงเรื่องนี้ ซึ่งในช่วงทศวรรษ 1970 ได้ใช้ความขบขันในการตัดแขนเพื่อความสนุกสนานหรือการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกทรงสี่เหลี่ยม วันหนึ่ง คนไข้คนหนึ่งตื่นขึ้นมากลางงานจมูกของเธอ ซึ่งมันหัก เพื่อดูหมอทักเกอร์ที่รักทำเรื่องซาดิสม์ด้วยจมูกของเขาในห้องผ่าตัดที่รกร้างว่างเปล่า เธอบ่นและทักเกอร์ก็เริ่มตามเธอไปตามถนน จากนั้นทักเกอร์ก็มีรสนิยมดีที่จะตายในอุบัติเหตุทางเรือในปี 2525 หรือมากกว่าที่จะแสร้งทำเป็นเพราะเขาถูกพบในฟลอริดาในอีกไม่กี่ปีต่อมา แทนที่จะถูกทดลอง เขาฆ่าตัวตายในปี 2554 หลังจากฆ่าภรรยาและแมวของเธอ

49. แฟนเก่าทำหมาให้คุณ


"มันคงแย่มากถ้าพ่อครัวซาดิสม์ทำให้ฉันกินคุกกี้สตูว์" (คุกกี้คือโกลเดนรีทรีฟเวอร์ที่แบ่งปันชีวิตของคุณ) ใช่. และหลังจากที่ Ryan Watenpaugh แกล้งแฟนเก่าด้วยการบังคับให้ประตูไปที่อพาร์ตเมนต์ของเขา เขาก็ทำอะไรแบบนั้น เมื่อหญิงสาวที่สงสัยหลบหนีไป เขาถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังกับสุนัขตัวนั้น และต่อมาแสร้งทำเป็นว่าเขาหนีไปแล้ว แล้วนายหญิงของคุกกี้ก็โง่พอที่จะตอบรับคำเชิญไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ และวันเต็นพาทำอาหารมื้อเล็ก ๆ ให้เธออร่อย จากนั้นเขาก็ส่งข้อความซาดิสม์ไปยังเด็กสาวโดยอธิบายว่าเธอเพิ่งกินสุนัขของเธอไป และยังเป็นถุงพลาสติกที่มีซากศพเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นความจริง

50. โทรศัพท์ เที่ยงคืน "ฉันเห็นคุณ"


เราใช้จุดเริ่มต้นของ Scream เราเปลี่ยนมันไปสู่ชีวิตจริง เด็กวัยรุ่นชาวอังกฤษคนหนึ่งจากเชสเตอร์ในปี 2014 เริ่มได้รับข้อความว่ามีคน "อยู่ในบ้าน" เฝ้าดูเธออย่างใกล้ชิด เด็กหญิงไม่ระวังเกินไป โดยบอกตัวเองว่ากำลังรับมือกับดิงโก แล้วนอนลง (ยังไงก็เถอะ) บนเตียงของแม่ จากนั้นเธอก็กลับไปที่ห้องของเธอตอนกลางดึกและเห็นว่ามีการย้ายสิ่งของบางอย่างออกไปแล้วจึงมองใต้เตียง ที่ซึ่งเธอพบคนสะกดรอยตาม เด็กอายุ 18 ปี โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้

51. ตำนานชาลีไร้หน้า


มันเป็นเรื่องท้องถิ่น แต่คุ้มค่าที่จะอ้อม Charlie No Face เป็นตัวละครในวัฒนธรรมสมัยนิยมรอบๆ Pittsburgh ซึ่งเป็น White Lady ที่มุ่งเป้าไปที่เด็กที่น่าสะพรึงกลัว ยกเว้นว่าในความเป็นจริง ชาร์ลีมีอยู่จริง ชื่อจริงของเขาคือเรย์มอนด์ โรบินสัน และเขาเสียโฉมด้วยแม็กซี่ช็อกในปี 1919 ขณะเล่นอยู่ใกล้สายพานลำเลียงไฟฟ้า จากนั้น เรย์มอนด์ โรบินสันใช้ชีวิตเล็กๆ ของพัทชรเพียงลำพังโดยอยู่ในบ้านของเขาเพราะกลัวว่าจะถูกตัดสิน เขาจะไม่ยอมให้ตัวเองออกไปจนค่ำ คุณเห็นแล้วว่าผู้ชายคนนี้กลายเป็นตำนานเมืองได้อย่างไร

52. ตื่นขึ้นมาพร้อมกับไตที่หายไปหนึ่งข้าง


1: รับภาระ; 2: ตกลงที่จะเข้าไปในรถของคนแปลกหน้า; 3: ตื่นมาไกลจากบ้าน เปลือยเปล่า ไตหนึ่งข้างน้อยลงและมีแผลเป็นเพิ่มขึ้น และรู้ดีว่ามันเป็นไปได้เล็กน้อย ระหว่างปี 2000 ถึง 2008 ชาวอินเดีย 500 คนตกเป็นเหยื่อของการค้าไตอย่างผิดกฎหมาย พวกเขาถูกพบเห็นที่ถนนไม่ใช่เพราะเมา แต่เพราะพวกเขากำลังมองหางานและเสนอให้หลอกลวง จากนั้นคลอโรฟอร์มบูมและไตมากขึ้น

53. นักสะสมร่างกายมนุษย์


เพื่อนบ้านสุดแปลกเก็บศพเป็นที่รู้จักกันดี ทำไมเขาถึงมีตุ๊กตากระดาษมาเช่มากมาย? ทำได้ดีมากเอ็ดวิจ ตัวอย่างเช่น Anatoly Moskvin นักประวัติศาสตร์แห่งมอสโกซึ่งทำให้เด็ก ๆ ทุกคนในละแวกนั้นคลั่งไคล้เป็นผู้รับผิดชอบศพในสุสาน Nizhny Novgorod ดังนั้น Moskvin จะรวบรวมศพ ใส่ชุดเด็กผู้หญิงและวิกผม แล้วจัดพวกมันไว้ในอพาร์ตเมนต์ มี 29 คน กับหน้ากาก และทั้งหมด

54. การลอบสังหารตระกูลลอว์สัน


เราอยู่ในปี 1929 ช่วงเวลาที่ผู้คนไม่ได้ใช้ชีวิตแบบขาวดำ ในวันคริสต์มาสอีฟ ชาร์ลี ลอว์สัน เกษตรกรวัย 43 ปีจากนอร์ทแคโรไลนา พาครอบครัวของเขาไปที่เมืองเพื่อถ่ายรูปและซื้อเสื้อผ้า เป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างไม่ธรรมดาสำหรับครอบครัวเกษตรกรกลุ่มใหญ่ที่ไม่มีวงกลม มีภรรยาของเขาและลูกทั้งเจ็ดของพวกเขาอยู่ที่นั่น วันรุ่งขึ้น 25 ธันวาคม ชาร์ลีรอให้ลูกสาวสองคนออกจากบ้านเพื่อยิงก่อนจะตีอย่างแรง จากนั้นเขาก็กลับบ้านและยิงลูกสาวอีกคนหนึ่งของเขาซึ่งอยู่บนขั้นบันได จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในบ้านและฆ่าทุกคน: ภรรยาของเขา ลูกชายสองคนของเขา และลูกน้อยของเขา จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปที่ป่าและยิงตัวเองเข้าที่หัว ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการสังหารคือคนโตอายุ 16 ปี หนึ่งในทฤษฎีที่สามารถอธิบายการสังหารหมู่ได้ก็คือผู้เป็นพ่อถูกกล่าวหาว่าให้ลูกสาวของเขาตั้งครรภ์และไม่พบทางออกอื่นใด บรรยากาศและสุขสันต์วันคริสต์มาส

55. การสังหารหมู่โควีนา


ในปี 2008 การหย่าร้างระหว่าง Bruce และ Sylvia Pardo ได้รับการยืนยัน แต่บ่อยครั้งในระหว่างการแยกจากกันตามข้อตกลงร่วมกัน มีคนเห็นด้วยมากกว่าอีกฝ่าย ในกรณีนี้ บรูซไม่ค่อยพอใจกับสถานการณ์ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำร้ายอดีตภรรยาและทุกคนในครอบครัว เขาขึ้นรถและไปถึงพ่อแม่ของซิลเวียในเมืองโควีนา แคลิฟอร์เนียในวันคริสต์มาส เขากดกริ่งโดยปลอมตัวเป็นซานตาคลอส และหลานสาวของซิลเวียก็ยอมให้เขาเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีของขวัญอยู่ในมือ! ยกเว้นว่าบรรจุภัณฑ์นั้นประกอบด้วยเครื่องพ่นไฟและปืน Pardo เริ่มต้นด้วยการยิงทุกคนจนกว่าทั้งครอบครัวจะถูกบังคับให้ซ่อน ตอนนั้นเองที่เขาเทน้ำมันเบนซินลงบนพื้นก่อนที่จะใช้เครื่องพ่นไฟ เขาฆ่าคนเก้าคนรวมทั้งอดีตภรรยาของเขา

56. ศพที่โคนต้นไม้


ในปี 2011 Michelle O'Dowd ได้แสดงจิตวิญญาณแห่งคริสต์มาสที่สวยงามโดยเสนอ Patty White อดีตแฟนสาวของหลานชายให้มาอาศัยอยู่กับเธอเพื่อแลกกับการทำความสะอาดเล็กน้อย ยกเว้นไม่กี่วันก่อนวันคริสต์มาส มิเชลล์ โอดาวด์ไม่ได้มาทำงานโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า พี่ชายฝาแฝดของเธอเป็นกังวลและไปที่บ้านของเธอ รถของเขาอยู่ที่นั่น ดูเหมือนบ้านจะมีคนอาศัยอยู่ แต่ไม่มีร่องรอยของน้องสาวเขาเลย ใช่แล้ว เท้าของเขายื่นออกมาจากของขวัญที่กองอยู่ที่ปลายต้นคริสต์มาส Patty ผู้เป็นลูกบุญธรรมของเธอ ทุบตีและรัดคอเธอก่อนจะทิ้งศพให้อยู่กับที่และหลบหนีออกจากรัฐ ในที่สุดเธอก็ถูกจับ

57. คริสต์มาสต้องดำเนินต่อไป


Justin Lee Klopp และภรรยาของเขามีความคิดที่ดีที่จะทะเลาะกันในวันคริสต์มาส เห็นได้ชัดว่า Klopp ไม่ใช่คนที่รู้สึกดีที่จะไม่เห็นด้วย เมื่อเทียบกับความจริงที่ว่า เพื่อยุติการทะเลาะวิวาท เขาคว้าขวานและทุบสเตฟานีภรรยาของเขา ก่อนจะกรีดคอเพื่อให้แน่ใจว่าเขาทำสำเร็จ จากนั้นเขาก็ใส่ศพลงในถุงพลาสติกที่เขาทิ้งลงในถังขยะ ก่อนปลุกลูกสองคนของเขาเพื่อไปฉลองคริสต์มาสกับพ่อแม่ของเขา ระหว่างมื้ออาหาร ซึ่งเราคิดว่าเป็นมิตรสุดๆ ที่คล็อปป์ตัดสินใจโทรหาตำรวจเพื่อสารภาพความผิดของเขา คล็อปป์แขวนคอตัวเองในคุก

58. โศกนาฏกรรมแอชแลนด์


เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2424 วัยรุ่นสามคนอายุ 14 ถึง 17 ปีกำลังนอนหลับอย่างเกียจคร้านรองานเลี้ยงวันรุ่งขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ ในเวลานั้น คนสามคนเข้าไปในบ้านกิบบอนเพื่อฆ่าพวกเขาโดยใช้ขวานและท่อนเหล็ก หลังจากที่เด็กๆ เสียชีวิต คนทั้งสามที่สงสัยตัดสินใจว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการเผาบ้านให้เป็นเถ้าถ่าน เพื่อนบ้านตื่นตระหนกเมื่อเห็นไฟไหม้และเรียกหน่วยดับเพลิง เราพบว่าเด็กๆ ศีรษะของพวกเขาแตกเป็นเสี่ยงๆ ท่ามกลางซากปรักหักพัง อา และในหมู่วัยรุ่นก็มีผู้หญิงสองคนที่ถูกข่มขืนด้วย พบผู้โจมตีสามคน พยายาม และแขวนคอ

59. ของขวัญคริสต์มาสที่ดี


Alexis Valdez อาศัยอยู่กับป้าของเขาในปี 2011 เมื่อเขาโต้เถียงกับ Silvestre ผู้ชายของป้าของเธอ (ซึ่งเราเรียกตัวเองว่า Grosminet) ซึ่งตำหนิเขาว่าไม่ได้มีส่วนในการเช่า อเล็กซิสไม่ได้ประณาม ทันใดนั้น เขาก็หยิบค้อนทุบหัว Silvestre ก่อนจะเปิดเพลงให้โอบกอดและไม่เป็นระเบียบ: การตัดหัว และสิ่งอื่นๆ เช่น จมูกหรือหู จากนั้นเขาก็ห่อศีรษะและทิ้งไว้บนหมอนของป้าเป็นของขวัญคริสต์มาส ตำรวจพบว่าเขาเต็มไปด้วยเลือด วาลเดซอธิบายว่าถ้าป้าของเขาอยู่ด้วย เธอก็จะต้องประสบชะตากรรมเดียวกัน

60. การสังหารหมู่ของตระกูล Yazdanpanah


นอกจากนี้ ในปี 2011 ที่เท็กซัส ครั้งนี้ เราได้ฉลองคริสต์มาสที่ Yazdanpanah ถึงเวลาแกะห่อของขวัญชิ้นใหญ่ ทันใดนั้น ก็มีเสียงเคาะประตู นั่นคือพ่อของอาซิซ ปลอมตัวเป็นซานตาคลอส แน่นอนว่ามันทำให้ทุกคนรำคาญ นอกจากนี้ หลานสาวของเธอ Sahra ส่งข้อความถึงแฟนหนุ่มของเธอว่า "นี่แน่ะ เขาพยายามเล่นเป็นพ่อในอุดมคติตอนที่เขาไม่อยู่ที่นั่น" ออดผิดพลาด ซาร่า ตอบผิด Aziz ดึงปืนออกมาและฆ่าทุกคน: อดีตภรรยาของเขา Fatemeh รวมถึงลูกชายและลูกสาวของเขา น้องสาวของ Fatehemeh สามีของเธอ และด้วยเหตุนี้ Sahra ลูกสาววัย 22 ปีของพวกเขา จากนั้นเขาก็ฆ่าตัวตาย เสียชีวิต 7 ราย พบของขวัญไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

61. การหายตัวไปของ JonBenet Ramsey


JonBenet Ramsay สาวน้อยวัย 6 ขวบหายตัวไปเมื่อปลายเดือนธันวาคม 1996 ในรัฐโคโลราโด แม่ของลูกน้อยระบุว่าได้ส่งความต้องการค่าไถ่ไปให้ครอบครัวแล้ว ยกเว้นแต่ว่า ระหว่างการเฆี่ยนตี พ่อของเด็กน้อยไปพบศพของเขาในห้องใต้ดินของบ้าน JonBenet ถูกรัดคอและตีหัว คือวันที่ 25 ธันวาคม ครอบครัวถูกสงสัยมาระยะหนึ่งแล้วจึงคลายความสงสัยทั้งหมด ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ก่ออาชญากรรม สุขสันต์วันคริสต์มาสกับทุกคน

62. ชาวสะมาเรียใจดีและชาวสะมาเรียใจดี


นักแสดงสาว Tricia McCauley ควรจะใช้เวลาคริสต์มาสปี 2016 กับเพื่อน ๆ ของเธอ บนถนน เธอเจอคนโบกรถและหยุด ท้ายที่สุดแล้ว จิตวิญญาณแห่งคริสต์มาสคือการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ลองนึกภาพทริเซียว่าเป็นสาววีแก้นที่สมบูรณ์แบบ มีความสามารถ และใช่ นั่นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคต เพราะทริเซียไม่เคยไปงานเลี้ยงอาหารค่ำวันคริสต์มาส ในทางกลับกัน เธอใช้บัตรเครดิตของเธอหลายครั้งเพื่อทำการถอนเงินจำนวนมาก เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม เราพบว่าร่างของเขาม้วนตัวเป็นลูกบอลในรถของเขา ทริเซียถูกข่มขืน ทุบตี และรัดคอ นักโบกรถ Duane Johnson ถูกพบหลังจากนั้นไม่นาน และที่นั่น เขาอธิบายว่าในความเป็นจริง เขาแค่ช่วยทริเซียฆ่าตัวตายเพราะเธอต้องการจริงๆ และเขาไม่ได้ข่มขืนเธอตั้งแต่เธอตกลง กล่าวโดยสรุปคือ ของขวัญคริสต์มาสที่เรียบง่าย ซึ่งเป็นการรับใช้หญิงชาวสะมาเรียที่ดี

63. วันที่ผิดพลาด


ธันวาคม 2015 Katie Locke ครูวัย 23 ปีออกเดทกับ Carld Langdell ทนายความที่เธอรู้จักในไซต์หาคู่ ตอนเย็นผ่านไปด้วยดี มากเสียจนตัดสินใจไปโรงแรมที่สวยมากแห่งหนึ่งในลอนดอน Theobalds Park Hotel ยกเว้นว่าแลงเดลล์จะบีบคอเคธี่ในห้องนอน ก่อนข่มขืนชันสูตรพลิกศพของเธอ จากนั้นเขาก็ห่อศพของเขาด้วยผ้าห่มซึ่งเขาโยนเข้าไปในพุ่มไม้หนา พบศพของเคธี่ในวันคริสต์มาส อา แลงเดลล์พักอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวชช่วงสั้นๆ ในระหว่างนั้นเขาอธิบายให้พยาบาลฟังว่าเขาจินตนาการถึงการกรีดคอของเด็กผู้หญิง เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต

64. ศิลาอาถรรพ์


ตำนานอินคานี้บอกเล่าเรื่องราวของทูปัก ยูปันกี บุตรแห่งดวงอาทิตย์ ผู้ชอบปาร์ตี้หลังจากชนะการต่อสู้ วันหนึ่งขณะที่เขากำลังก่อการจลาจล เขาได้จับตัวนักโทษตัวน้อยมาข่มขืนเธออย่างเย็นชา เว้นแต่ผู้ต้องขังมีคนรักอยู่แล้วและมิได้มีอารมณ์โกรธที่จะถูกข่มขืน ในตอนกลางคืน เธอหนีไปกับผู้ชายที่เธอรักและทั้งสองก็ถูกตามทัน ทูพัคจุดไฟเผาพวกมัน ตั้งแต่นั้นมาก็พบหินก้อนหนึ่งซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับร่างของหญิงสาว คุณไม่ควรไปที่นั่นในตอนกลางคืนเพราะกลัวว่าจะถูกทรมานโดยวิญญาณของหินผีสิง

65. คนไว้ทุกข์


ตำนานมีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 ในเมืองเตนอชติลัน ประเทศเม็กซิโก ชาวบ้านจะเดินเตร่บ้านของพวกเขาในตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้ต้องทรมานโดยวิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินเตร่อยู่บนถนนด้วยน้ำตา หญิงที่โศกเศร้าเดินเตร่ไปรอบเมือง ก่อนหยุดที่จัตุรัสกลางเพื่อสวดมนต์ ทุกคืน ผู้หญิงคนนั้นหายตัวไปรอบๆ ทะเลสาบเท็กซ์โคโค บรรดาผู้กล้าเข้าใกล้เขาหายตัวไปในสถานการณ์ที่ลำบาก ตำนานนี้มีรูปแบบที่แตกต่างกันไปทั่วทั้งอาณาเขตของอเมริกาใต้

66. เอล ชูปากาบรา


แท้จริงแพะดูด สัตว์ประหลาดจากเปอร์โตริโกที่กินสัตว์หรือค่อนข้างเลือดสัตว์สไตล์แวมไพร์ เห็นได้ชัดว่ามีหลักฐานว่ามีสัตว์สองเท้าที่จะโจมตีในเวลากลางคืนและไม่เคยทิ้งร่องรอย คาดว่าสัตว์ชนิดนี้จะพบเห็นได้ทั่วทั้งทวีปอเมริกาใต้ ตามตำนานเล่าว่าสัตว์ดังกล่าวมีต้นกำเนิดจากต่างดาวหรือเป็นผลมาจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่ล้มเหลว

67. ลา ทุนดา


ตำนานชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของโคลอมเบียเรื่องนี้ปลุกเร้าให้หญิงสาวลึกลับครึ่งคนครึ่งคนครึ่งผีสิงที่จะล่อชาวบ้านเข้าไปในป่าเพื่อให้พวกเขาเป็นนักโทษและฆ่าพวกเขา เธอปลอมตัวเป็นคนที่รักในเหยื่อของเธอก่อนที่จะทำให้เขากลืนกินแลงกุสทีนที่เป็นพิษซึ่งบังคับให้เขาอยู่ในภวังค์ชั่วนิรันดร์ ส่วนใหญ่โจมตีเด็ก

68. เอล อิมบุนเช


เด็กน้อยชาวชิลีได้รับมอบหมายให้เป็นพ่อมดและกลายเป็นคนชั่วร้าย ใบหน้าของเขาจับจ้องไปที่ด้านหลังศีรษะ นิ้วและหูของเขาถูกเกี่ยว El Imbuche เลียนเสียงสัตว์และฝึกมนต์ดำ มันกินเนื้อสด

69. ผู้สำนึกผิด


หญิงชราตัวน้อยนั่งแท็กซี่ในเม็กซิโกเพื่อไปโบสถ์ เธอขอให้แท็กซี่รอเธอ ไปโบสถ์ กลับมาและขอไปโบสถ์อื่น จากโบสถ์หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ในที่สุดคนขับแท็กซี่ก็พาหญิงชรากลับบ้าน โดยจ่ายเงินให้เธอแหวน และขอให้เขากลับมาในวันรุ่งขึ้นเพื่อรับเงิน วันรุ่งขึ้น เมื่อคนขับกลับมา เขาได้รับแจ้งว่าหญิงชราคนนั้นเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว

70. ลา เซกัว


สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติที่ไล่ตามและลงโทษผู้ชายนอกใจและ / หรือปิโกลอส คงจะเป็นวิญญาณของเด็กสาวชาวคอสตาริกาที่ถูกประณามให้เดินเตร่บนถนนที่รกร้างและเกลี้ยกล่อมผู้ชาย เธอโดนจับได้ว่ากำลังโบกรถ ปล่อยให้ตัวเองเจ้าชู้นิดหน่อย แล้วแลกหน้าสวยของเธอกับหัวม้าที่ตายแล้วที่มีผิวหนังเน่าเปื่อยห้อยอยู่เต็มไปหมด สถานที่ โดยทั่วไปแล้วผู้ชายจะตะโกน

71. คนผิวปาก


คุณต้องระมัดระวังในป่าเวเนซุเอลาในตอนกลางคืน เราอาจจะเจอนกหวีด ยักษ์สูง 6 เมตรที่เคลื่อนไหวอย่างสุขุมเหมือนมดและเลือกเหยื่อจากคนจรจัด วิธีง่ายๆ ในการรู้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆ นั้น เขาเป่านกหวีดไม่หยุดและกระเป๋าใบใหญ่ของเขาบรรจุกระดูกที่กระทบกระเทือนของเหยื่อ เขาดูดเลือดของคนขี้เมาและคนเจ้าชู้ที่กลับบ้านหลังจากนอนหลับฝันดี

72. เอลปอมเบโร


ตำนานปารากวัยนี้เกี่ยวข้องกับเอลฟ์ตัวน้อย Pomberito ซึ่งค่อนข้างดีกับชาวนาที่เขาตกลงที่จะให้บริการโดยรับเครื่องเซ่นไหว้ทุกคืนเป็นเวลา 30 วัน แต่ถ้าชาวนาลืมถวายเครื่องบูชา เขาก็เสี่ยงที่จะไม่ถูกตำหนิอย่างเยือกเย็น เช่น ความตาย เป็นต้น

73. บ้านลาด


ในเม็กซิโก บ้านร้างและสร้างครึ่งหลังติดกับตีนเขา บ้านนี้มีทางลาดและว่ากันว่าสร้างขึ้นสำหรับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ในรถเข็น เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้คงจะเสียชีวิตจากการตกจากชั้นสอง ปูทางสำหรับอุบัติเหตุและการเสียชีวิตทุกประเภทเป็นเวลานาน: คนงานสองคนเสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างบ้าน ตอนกลางคืนคุณจะได้ยินเสียงกรีดร้องในบ้านและเห็นเงา

74. ครอบครัวหลอกลวงมานานกว่ายี่สิบปี


ชาวอเมริกันรู้ว่าพ่อแม่ของเธอตกเป็นเหยื่อของการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวมา 20 ปีก่อนที่จะรู้ตัวว่าเธอเองก็เช่นกัน เธอพบว่าคนที่ทำอย่างนั้นในตอนนั้นน่าจะได้ตัวตนของเธอกลับคืนมาพร้อมๆ กัน และไม่ว่าด้วยวิธีใดเธอก็คิดถูก หลังจากที่แม่ของเธอเสียชีวิต เธอได้ค้นพบกับพ่อของเธอว่าแท้จริงแล้วมันคือแม่ที่จากไปตั้งแต่ต้น อันที่จริงคนนี้ทำบัตรเครดิตในนามของลูกสาวของเขา พวกเขาร่วมกันย้อนเวลากลับไปกว่ายี่สิบปีของการฉ้อโกงและตระหนักว่าเธอได้หลอกลวงคุณปู่ด้วยเงิน 1,500 ดอลลาร์ เห็นได้ชัดว่าเราไม่ได้นำทุกอย่างไปที่หลุมศพ

75. นักเรียนลีลล์ลงทะเบียนที่ Banque de France


ทุกอย่างเริ่มต้นในวันที่ Maya นักศึกษาวัย 20 ปีถูกขโมยกระเป๋าสตางค์ของเธอในรถไฟใต้ดิน ในเวลาต่อมา เธอตระหนักว่ามีการกู้ยืมเงินสามรายการในชื่อของเธอ และการสูญเสีย 59,600 ยูโรหมายความว่าเธอจะต้องติดอยู่ในธนาคารแห่งฝรั่งเศสและถูกแบนจากการธนาคาร การค้นพบค่าปรับรถไฟที่ยังไม่ได้ชำระรวมถึงหนี้อื่น ๆ ในชื่อของเธอตามมา ซึ่งทำให้เธอต้องตกที่นั่งลำบากในการดำเนินการบริหารเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ และยังคงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายที่ต้องประกาศความบริสุทธิ์ของคุณตลอดเวลาเนื่องจากการหลอกลวงที่ดี

76. ผู้หญิงที่เริ่มสงสัยว่าสามีของเธอมีชีวิตคู่


ในปี 2008 คู่สามีภรรยาชาวฝรั่งเศส-ตุรกีที่อาศัยอยู่ในOrléansเริ่มได้รับการชำระเงินจำนองสำหรับการซื้อและเงินกู้ยืมที่พวกเขาไม่ได้ทำ ภรรยายังไปไกลถึงจินตนาการถึงชีวิตคู่สำหรับสามีของเธอในขณะเดินทาง เป็นภรรยาที่จะดำเนินการสอบสวนอย่างแม่นยำซึ่ง "จะทำให้นักสืบเอกชนหน้าซีด" ตามที่ตัวแทนของพนักงานอัยการชี้ให้เห็นในระหว่างการพิจารณาคดี เธอจะติดตามข้อมูลทั้งหมดและพบว่าตัวตนของสามีของเธอถูกขายในเครือข่ายและซื้อโดยชาวตุรกีที่อาศัยอยู่อย่างเงียบๆ ในเมืองก็อง ตอนนี้เธอเรียกตัวเองว่าเชอร์ล็อค โฮล์มส์ ไม่ มันผิด แต่เธอทำได้

77. ชายผู้ถูกขโมยตัวตนมา 17 ปี


ในปี 2547 โลอิกได้รับโทรศัพท์จากสาขาของธนาคารในตูลูส (เมืองที่เขาไม่ได้อาศัยอยู่) ซึ่งแจ้งเขาว่าบัญชีของเขาถูกโอนแล้ว ไม่ได้อยู่ที่จุดกำเนิดของการกระทำ การสืบสวนเปิดขึ้น และเราพบคนทั้งหมดห้าคนที่แอบอ้างเป็นเขา เป็นเวลา 17 ปีที่เขาจัดการกับปลัดอำเภอ ฝ่ายบริหาร และธนาคารอย่างต่อเนื่อง มีรายงานบัญชีธนาคาร 17 บัญชี ปัญหาเกี่ยวกับ CAF และประกันสังคม โทรศัพท์ 10 สาย สินเชื่อผู้บริโภคต่างๆ วันนี้เขามีการติดตามผลทางจิตเวชและอยู่ในระหว่างการรักษา ตอนนั้นเขาถูกบังคับให้หยุดเรียนกฎหมายและรัฐศาสตร์

78. หญิงชาวออสเตรเลียที่เข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรม


เรามาถึงโดยหนัก หญิงชาวออสเตรเลียคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลซึ่งตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนรู้ทางวิทยุว่าเธอเป็นที่ต้องการตัวในคดีฆาตกรรมมาห์มูด อัล-มาบูห์ ผู้นำกลุ่มฮามาส เธอตระหนักว่าชาวออสเตรเลียสามคน (รวมถึงเธอด้วย) ถูกขโมยข้อมูลประจำตัวในเรื่องนี้ และพบว่ามีหนังสือเดินทางปลอม (รวมถึงหนึ่งในชื่อของเธอด้วย) เธอเลยสติแตก แต่สุดท้ายเราก็เข้าใจกลโกงอย่างรวดเร็ว และเธอก็ไม่กังวล

79. แม่ที่รับประกันการเช่าลูกชายเท่านั้น


เมื่อเธอส่งไฟล์สำหรับการเช่าอพาร์ทเมนต์ของลูกชายของเธอ ผู้หญิงคนนี้ก็ห่างไกลจากความสงสัยของการหลอกลวงต่างๆ ที่จะตามมา เธอได้รับไฟล์สำหรับการซื้อประกันรถยนต์ก่อน เธอติดต่อช่างดังกล่าวและพบว่ามีคนซื้อรถใช้แล้วในนามของเธอ ไม่กี่วันต่อมาองค์กรสินเชื่อพยายามถอน € 300 ออกจากบัญชีของเขา ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยสามครั้ง ซื้อรถสามคัน องค์กรสินเชื่อสามแห่ง เป็นเพียงความสยดสยองของผู้หญิงยากจนที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณา

80. นศ.ที่ประกาศเป็นลูกที่ไม่ใช่ของเขา


จากนั้นเมื่ออายุ 25 ปี นักศึกษาชาวคองโกที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทได้เรียนรู้ว่าห้ามไม่ให้ออกเช็คหลังจากเกิดเหตุการณ์ในบัญชีใหม่ เขาไปที่หน่วยงานและพบว่าลูกค้าได้แย่งชิงตัวตนของเขา เขายื่นเรื่องร้องเรียนสามครั้งโดยไม่มีอะไรคืบหน้า ในที่สุดผู้พิพากษาก็ออกคำสั่งยกคำร้องทุกข์ของเขา หลังจากนั้นเขาก็รู้ว่าผู้แย่งชิงของเขาถูกตัดสินว่ากระทำความผิดฐานปลอมแปลงและปลอมแปลงในคองโกและกลับไปที่สถานีตำรวจซึ่งเขาได้รับการเสนอให้ "เจรจาต่อรองกับผู้แย่งชิง" (ดี) อยู่มาวันหนึ่ง เขาพบว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกประกาศว่าต้องพึ่งพาอาศัยเขา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีลูกก็ตาม ในที่สุดเขาก็สับสนกับนักต้มตุ๋น เขาถูกควบคุมตัวก่อนที่ศาลจะเข้าใจความผิดพลาดของเขา

81. พนักงานแผนกฉ้อโกงที่เลอะนิดหน่อย


American IRS (Internal Revenue Service) ได้ใช้เวลาหลายปีในการช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง ในความเป็นจริง เธอกำลังขโมยตัวตนของพวกเขาเพื่อหลอกลวงตัวเอง เป็นเวลากว่าสามปีที่เธอใช้คอมพิวเตอร์ของ IRS เพื่อดึงข้อมูลของผู้คน (ชื่อ / วันเดือนปีเกิด / หมายเลขประกันสังคม) เพื่อหลอกลวงบริการชำระเงินคืน โดยรวมแล้ว เธอหาเงินได้เกือบ 400,000 ดอลลาร์ ก่อนถูกจับและถูกตัดสินจำคุกเก้าปี

82. คำเตือนของพ่อแม่ว่าฉันแกล้งไม่ไปเรียน


ฉันอยู่ม.4 และฉันไม่ค่อยภูมิใจกับเรื่องเล็ก ๆ นี้ ฉันปลอมลายเซ็นของพ่อเพื่อไม่ให้ไปเรียนกีฬาในบ่ายวันศุกร์ ทุกคนไม่เห็นอะไรเลยนอกจากตำรวจแก่หัวโบราณที่ไม่ได้รับและตรวจสอบทุกคำขอโทษ เขาทำงานเป็นเวลาหลายปีใน “เรื่องขอโทษครั้งที่ 4” เพื่อหลอกหลอนฉัน และในที่สุดเขาก็ไปถึงที่นั่นในอีกสิบสองปีต่อมา วันนี้ฉันเขียนสิ่งนี้จากเซลล์ของฉัน ถูกกลืนกินด้วยความสำนึกผิด อย่าฉ้อโกง

83. สูญหายหรือถูกคุมขัง


ความรู้สึกนี้ในความฝันหมายถึงการรับรู้ที่เรามีต่อความเป็นจริงซึ่งสัมพันธ์กับเส้นทางที่จะไปในสนามใด ๆ ก็ตาม ความรู้สึกของการไม่มีทางเลือกหรือมีตัวเลือกมากเกินไปสามารถสร้างความเครียดที่ต้องระบุเพื่อกำจัดฝันร้ายเหล่านี้ หากปราศจากการตอบสนองที่เหมาะสม ฝันร้ายนี้มักจะเป็นก้าวแรกก่อนที่จะก้าวไปสู่ขั้นต่อไป

84. ในฤดูใบไม้ร่วงหรือจมน้ำตาย


ความรู้สึกนี้มักเกิดขึ้นในบริบทของการทำงานหนักเกินไป ความเครียดนั้นจะถูก "สะสมภายใน" และสะสมจนกลายเป็นฝันร้ายนี้ มันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่คุณจะมีได้อย่างแม่นยำในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งจะแปลวิธีการมองปัญหาในความเป็นจริงของคุณ

85. เครื่องหรือโทรศัพท์ที่ไม่ทำงาน


หากคุณไม่เคยประสบกับความกังวลเหล่านี้ด้วยเทคโนโลยีบ่อยครั้งเกินไป ฝันร้ายประเภทนี้อาจกลายเป็นอาการของความรู้สึกสูญเสีย: ความเหินห่างของคนที่คุณรัก ร่างกายหรืออารมณ์ หรือความรู้สึกมีโดยไม่ต้องสร้างกำแพงกั้น กับผู้ติดตามของเขา หากฝันร้ายนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ ให้ถามตัวเองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่คุณมีกับ "เพื่อน" ของคุณและถ้าคุณไม่ปล่อยให้เรื่องเลวร้ายไปบ้าง

86. เปลือยกายในที่สาธารณะ


การเปลือยกายโดยบังเอิญเป็นการแสดงถึงความลับที่เราไม่ต้องการเปิดเผยอย่างชัดเจน ความยากลำบากในการ "แก้ผ้า" แสดงให้เห็นอย่างแท้จริงในฝันร้าย และความรู้สึกอึดอัดใจที่คุณประสบในความฝันจะต้องเหมือนกับที่คุณกลัวเล็กน้อยหากมีการเรียนรู้เกี่ยวกับตัวคุณมากขึ้น คุณอาจจำเป็นต้องสมมติให้มากขึ้นว่าคุณเป็นใครและเพื่อเปรียบเทียบการตัดสินของผู้อื่น คุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้น

87. ภัยธรรมชาติหรือภัยที่มนุษย์สร้างขึ้น


ฝันร้ายประเภทนี้มักเต็มไปด้วยความหมาย: ความฝันเกี่ยวกับภัยพิบัติจะหมายถึง "ภัยพิบัติ" ที่ใกล้จะเกิดขึ้นในความเป็นจริง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องระบุสิ่งที่ทำให้เราทำอะไรไม่ถูกในความฝัน และพยายามตัดสินว่าเหตุการณ์ใดในความเป็นจริงของเราที่พาเราเข้าสู่สภาวะนี้และก่อให้เกิดความเครียดซึ่งบางครั้งก็หมดสติ

88. สอบตก


ความสัมพันธ์ครั้งแรกที่เรามีกับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นได้ ผีหลอกหลอนเรามานานหลังจากจบการศึกษา ความกลัวที่จะถูกประเมินนี้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสมควรได้รับหรือไม่ได้รับสิ่งที่มี หากเราทบทวนสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างเป็นกลาง คุณจะพอใจไหม หากคุณใฝ่ฝันที่จะได้สำเนาของความขาวบริสุทธิ์ มันอาจจะไม่ใช่

89. การสูญเสียหรือการทำลายบ้านของเขา


บ้านแสดงให้เห็นถึงการแบ่งขั้วระหว่างความปรารถนาที่จะรักษาสิ่งที่เรามีอยู่ภายใน กับภาพลักษณ์และความแข็งแกร่งที่เราแสดงออกภายนอก บ้านของคุณคือคุณ หากฝันร้ายของคุณแสดงถึงการทำลายล้างหรือการโจรกรรมภายในบ้านหลังนี้ ในความเป็นส่วนตัวของกำแพง คุณควรเข้าใจสิ่งนี้ว่าเป็นความรู้สึกของการทรยศ หรือความกลัวที่จะถูกบงการ

90. รถเสีย


เช่นเดียวกับบ้าน ยานพาหนะที่คุณอยู่เป็นสัญลักษณ์ของร่างกายของคุณ รถแสดงรูปลักษณ์ภายนอกที่ไร้ที่ติเมื่อกลไกหยุดทำงาน คุณต้องเข้าใจภาพนี้ว่าเป็นความแตกต่างในการรับรู้ที่เรามีทั้งภายนอกและภายใน การมุ่งตรงไปที่อุบัติเหตุทรยศต่อความรู้สึกอ่อนแอหรือขาดการควบคุมชีวิตของตนเอง

91. การบาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือเสียชีวิต


เหนือความเชื่อนี้ซึ่งต้องการให้ "คนตายในความฝัน คนหนึ่งตายในความเป็นจริง" จำเป็นต้องปรับแรงโน้มถ่วงของการมองเห็นแบบนี้ แน่นอนว่ารูปลักษณ์ที่เลวร้ายในความฝันสามารถเทียบได้กับรายงานที่เราเสียชีวิต เมื่อมันเกี่ยวข้องกับคนที่คุณรักเช่น แต่บางครั้งมันก็เบาลง และความตายนี้สามารถแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขาเอง ซึ่งหมายถึงยุคใหม่ งานใหม่ เลิกบุหรี่ ซื้อรถไฮบริด คุณฆ่า "คุณ" คนเก่าเพื่อไปเกิดใหม่ใน Prius

92. ถูกดำเนินคดีหรือทำร้าย


หากมีการแบ่งปันกันในระดับสากล เป็นเพราะความฝันนี้ดึงดูดสัญชาตญาณที่จะหนีจากสิ่งที่ดูเหมือนแข็งแกร่งกว่าเรา ตามที่ฟรอยด์กล่าวว่าความฝันนี้แสดงออกถึงความวิตกกังวลของแต่ละบุคคลไม่ว่าจะจริงจังแค่ไหนก็ตาม เราคิดว่าเราสามารถจัดการกับความกังวลเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้ ฝันร้ายของคุณไม่ได้แสดงให้คุณเห็น และคุณต้องเผชิญกับมัน อีกเล็กน้อย: หากผู้ไล่ตามมีมีดหรือสิ่งของยาวๆ แน่นอนว่าเป็นการเป็นตัวแทนทางเพศ ซึ่งคุณหนีหรือสิ่งที่คุณต้องการยอมรับด้วยความรู้สึกผิด

93. แบนชี


เมื่อเราเห็นผู้ส่งสารจากอีกโลกหนึ่งลงจากรถ เราไม่ได้คาดหวังให้เธอเล่าเรื่องตลกของเบลเยี่ยมให้เราฟัง โดยทั่วไปแล้ว มันคือการประกาศการตายที่ใกล้จะถึง มันเหมือนกับ White Lady of the corner หลังจากนั้นเธอทำหน้าที่เป็นผู้ไว้ทุกข์ คนร้องทุกข์ หรือเธอชำระล้างคนตาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภูมิภาค อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้มีงานขี้ขลาดมากนัก

94. The Merrow


Merrow เทียบเท่ากับนางเงือกเกลิค มี Merrows เพศหญิง แต่ก็มีเพศชายด้วย อดีตมีความสวยงามเหมือนนางเงือกคลาสสิก อย่างที่สองนั้นน่าขยะแขยง (ฟันแหลม ผมสีเขียว และน่าเกลียดมาก ในระยะสั้นดูเหมือนนักร้องของ Pogues ) นอกจากความสวยงามแล้ว Merrows หญิงยังเป็นโสเภณีที่สวยงามไม่น้อยที่เกลียดมนุษย์และอย่าลังเลที่จะทำสิ่งสกปรกกับพวกเขา ปกติเห็นไม่ถือเป็นสัญญาณที่ดี อันที่จริงแล้วส่วนใหญ่หมายความว่าเราจะส่งเสียงโห่ร้องอย่างรวดเร็วหรือประสบคำสาปของครอบครัวเล็กน้อย

95. เด็กซน


ราวกับว่า "The Puck" ไม่ได้น่าเกลียดเพียงพอ สิ่งมีชีวิตนี้ยังมีชื่อเล่นที่ไร้สาระเช่นเดียวกับชื่อเล่น: "Jack with the Lantern", "Will with the twist" หรือ "Robin Good friend " เด็กซนเป็นภูติจิ๋วที่มีพลังแปลงร่างเป็นสัตว์และชอบเล่นแผลง ๆ ตัวอย่างเช่น หนึ่งในวาล์วที่เขาโปรดปรานคือการผลักหญิงชรา และเป็นความจริงที่มันสนุกจริงๆ คุณควรลองดู ส่วนใหญ่เขาใช้ความสามารถของเขาเพื่อแปลงร่างเป็นม้าสีดำที่มีดวงตาสีเหลืองเพลิง ซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่เขาใช้เพื่อทำให้ชาวบ้านประหลาดใจ เราไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถหาเพื่อนได้อย่างไร แต่นั่นดูเหมือนจะไม่รบกวนเขามากนัก

96. เฟอร์ Darrig


ดูเหมือน Leprechaun ที่มีลักษณะเฉพาะอีกเล็กน้อย: มันถูกห่อหุ้มไว้ เขามาถึงบ้านของคุณ นั่งที่นั่งข้างกองไฟที่ดีที่สุด และเริ่มตากเสื้อผ้าที่สกปรกของเขาในห้องนั่งเล่นของคุณ ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตาม เขาจะโกรธคุณ มิเชล บล็องก์ในเรื่อง Come home, I live with a friend แต่น่ารังเกียจสุดๆ

97. ดูลาฮาน


พลม้าหัวขาดเหล่านี้เป็นกลุ่มที่อยากรู้อยากเห็น Dullahan กลัวทองคำมากกว่าสิ่งอื่นใด เนื่องจากสามารถตัดหัวตัวเองเพื่อไปยุ่งและเล่นถ้วยชามได้ ดังนั้นเก็บเหรียญไว้กับคุณ (ข้างกระเทียมสำหรับแวมไพร์) เพื่อกันพวกมัน เพราะรู้ดีว่าไม่ควรโกรธพวกเขามากนัก พวกมันมีสันหลังเหมือนแส้ และเมื่อพวกเขาหยุดม้า พวกมันจะร้องเรียกชื่อ และบุคคลนั้นก็ส่งอาวุธไปทางซ้ายทันที

98. The Grogoch


ใช่ "เดอะ" เพราะสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนมนุษย์นี้จะไม่มีผู้หญิง ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ระหว่างผู้ชายในกระท่อมเล็ก ๆ และล่อแหลม ถ้ำหรือหลุมที่ทำอุบาย พวกเขาสกปรกเล็กน้อย แต่ก็ดูดีมาก เหมือนนักเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์ของเรา Grogoch จะไม่ลังเลที่จะให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยเป็นครั้งคราวเพื่อแลกกับครีมหนึ่งหม้อเป็นค่าตอบแทน เคล็ดลับสุดท้าย: เขากลัวนักบวชมาก และถ้าจำเป็น เขาสามารถทำให้ตัวเองล่องหนได้ เป็นมหาอำนาจที่ไม่เหมือนใคร

99. อินน์ Mac Cumaill


ฟินน์เป็นนักรบที่มีความรู้รอบด้าน พูดไปแล้วอย่างนั้นมันบังคับ ในทางกลับกัน วิธีที่เขาได้รับนั้นค่อนข้างง่อย พูดตามตรง เขาใช้เวลา 7 ปีในการพยายามจับปลาแซลมอนด้วยความรู้ที่เป็นสากล และเมื่อเขาไปถึงที่นั่น เขาก็ปรุงมันเพื่อจิกมัน ดีมาก ยกเว้นว่าในระหว่างนี้ น้ำผลไม้ของปลาแซลมอนจะโรยนิ้วโป้งของเขา ดังนั้นทุกครั้งที่เขาดูดนิ้วโป้ง เขาจะสามารถเข้าถึงความรู้ที่เป็นสากลได้ (มันใช้ได้จริงในการสอบสวน ...) และใช่ ตำนานนี้เป็นหนึ่งในพวกนาซีมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำนาน ตามตำนานเดียวกันนี้ ฟินน์ยังไม่ตาย เขาแค่นอนหลับและจะตื่นขึ้นเพื่อปกป้องไอร์แลนด์เมื่อจำเป็น สำหรับตอนนี้ ชาวอังกฤษ และ เธียร์รี อองรี นอนหลับสบาย แต่คุณไม่มีทางรู้

100. Les Cluricaunes


อนุพันธ์ที่นับไม่ถ้วนของ Leprechaun แต่ในรูปแบบขี้เมา หากคุณประพฤติตัวดี พวกมันจะปกป้องห้องเก็บไวน์ของคุณ แต่ถ้าคุณทำตัวยุ่ง พวกมันจะทำให้ถังของคุณว่างเปล่าและปล่อยให้ไวน์ของคุณเน่า ส่วนใหญ่พวกเขาแก่แล้วและโดยรวมแล้วพวกเขารู้ว่าอ้วนขี้เกียจ งานอดิเรกที่พวกเขาชื่นชอบ: ขี่แกะ ... กล่าวโดยย่อ พวกมันดูเท่มาก

ทำไมชาติอาหรับถึงกลัวผู้อพยพปาเลสไตน์

หนึ่งในสิ่งที่ไม่ถูกกันอย่างแน่นอนของ โลกเรานี้นอกจากน้ำไม่ถูกกับไฟนะครับมัน ก็คงจะเป็นเรื่องราวของการที่พวกอาหรับ เนี่ยเขาไม่ถูกกับอิสราเอลนะครับเพราะแบบ ถึงแม้ว่าดินแดนอาหรับแต่ละดินแดนเนี่ย เขาจะอยู่กันห่างไกลก็ตามนะครับแต่พอพูด ถึงเรื่องราวของอิสราเอลปุ๊บเนี่ยพวกเขา ก็จะพยายามหันมาช่วยกันแล้วก็แบบพยายามจะ ต่อต้านอิสราเอลกันอยู่ทุกเมื่อเลยนะครับ แต่ทว่าแบบทำไมกันล่ะพอถึงช่วงเวลาที่ กำเนิดสงครามปาเลสไตน์ยกตัวอย่างไอ้ช่วง เวลาที่ผ่านมาที่อิสราเอลเนี่ยเขาได้เข้า ไปบวกกับฉนวนกาซ่าจนจะเรียกได้ว่าเป็นการ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันได้อยู่แล้วนะครับ มันกลับไม่มีชาติอาหรับชาติไหนน่ะที่ได้ ช่วยรับชาวปาเลสไตน์เข้าไปอย่างจริงใจนะ ครับแต่กลับปล่อยให้ชาวปาเลสไตน์เนี่ยได้ อยู่ในฉนวนกาซ่าแล้วก็โดนบอมกันไปหนำซ้ำ นะครับชาติใหญ่ๆอย่างอาหรับหรือแม้ กระทั่งองค์กษัตริย์ของประเทศจอร์แดนเอง ซึ่งเป็นอาหรับเหมือนกันเนี่ยก็ยังได้ออก มาประกาศบอกเลยว่าพวกเขาเนี่ยจะไม่รับ หรือไม่ปล่อยให้พวกผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ ได้เข้ามาในบ้านเ้าเลยแม้แต่ก้าวเดียวนะ ครับทั้งๆที่ไอ้พวกนี้เค้าเป็นอาหรับ เหมือนกันไม่ใช่เหรอคือนี้มันเกิดอะไร ขึ้นล่ะทำไมอาหรับจะไม่ช่วยอาหรับด้วยกัน แล้วเหรอเราก็ต้องบอกว่ามันก็ไม่ใช่อย่าง นั้นเสมอไปนะเพราะว่าเบื้องหลังของเรื่อง นี้เนี่ยมันก็มีทั้งเหตุผลแล้วก็มี ประวัติศาสตร์ที่ยาวนานที่มันทำให้ชนชาติ อาหรับต่างๆนะครับเค้ารู้สึกขยาดที่จะไม่ รับพวกผู้อพยพชาวปาเลสไตน์เนี่ยเข้าไป ซึ่งความ dark เหล่านั้นมันจะมีอะไรกัน บ้างเราก็มาฟังกันเลยดีกว่านะครับกับราย การแค่อยากเล่ากับแอดมินเพจ FNY ในวันนี้ โดยก่อนจะไปฟังคลิปนี้กันนะครับแอดก็อยาก จะให้เพื่อนๆเนี่ยได้ทำใจให้เป็นกลางกัน หน่อยแล้วกันเพราะแบบพอเวลาพูดถึงปัญหา ความขัดแย้งอะไรกันเกี่ยวกับประเทศพวกนี้ ทีไรนะมันจะต้องมีคอมเมนต์มาแบบถ้าไม่อวย ก็มาด้ากันราวกับเชียร์บอลอะไรกันอย่าง นั้นเลยนะคือเอาจริงๆไอ้ปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างประเทศอะไรทุกที่เนี่ยมันไม่ได้มี ความเป็นขาวเป็นดำคือใครเป็นฮีโร่ 100% หรือเป็นตัวร้ายอย่างชัดเจนเลยนะครับยก ตัวอย่างก็อย่างเช่นในเรื่องของอิสราเอล กับปาเลสไตน์เนี่ยไอ้สิ่งที่อิสราเอลหรือ ว่าผู้นำของอิสราเอลเขาได้ไปทำเอาไว้กับ ชาวปาเลสไตน์เนี่ยมันก็เรียกได้ว่าโหด ร้ายระดับ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่น่าจะด้อยไป กว่าแบบตอนที่ชาวยิวอ่ะได้เคยโดนพวกนาซี ฆ่าอะไรกันเลยนะครับผมแต่ถ้าว่าในมุมมอง กลับกันทางปาเลสไตน์เนี่ยเค้าก็ได้มีอะไร บางอย่างที่แบบแอบไม่น่ารักซ่อนอยู่ เหมือนกันนะที่เอาเป็นว่าเมื่อปรับความ เข้าใจตรงกันแล้วเนี่ยเราก็มาเริ่มฟังกัน เลยดีกว่านะครับโดยจุดเริ่มต้นทั้งหมดของ เรื่องราวผู้อพยพชาวปาเลสไตน์นะครับมันก็ ได้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ในปี 1948 หรือ ว่าเป็นปีแห่งการสร้างชาติอิสราเอลนะครับ ที่หลายๆคนซึ่งตามช่องเรามานานเนี่ยก็คง จะรู้แล้วว่ามันได้เกิดอะไรขึ้นนะก็คือพอ หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้จบลงแล้ว ชาวยิวโดนเข่นค่าอะไรอย่างกระจายเยอะแยะ เนี่ยมันก็เกิดการอยากจะหาที่อยู่ใหม่ให้ กับชาวยิวนะครับโดยไอ้พวกฝรั่งตะวันตกที่ ก็อยากจะขจัดชาวยิวออกจากชาติอยู่แล้ว เนี่ยก็ไปรวมหัวกันกับพวกอิสของอิสราเอล ที่เขาอยากจะสร้างชาติขึ้นมาใหม่ซึ่งตอน แรกก็เล็งหายอยู่ว่าที่ไหนดีสุดท้ายเนี่ย ก็ดันไปสำเหนียกประวัติศาสตร์พันกว่าปี ของเขาได้นะครับว่าเมื่อหลายพันกว่าปีที่ แล้วเนี่ยเค้าเคยโดนไล่ไออกมาจากดินแดน ที่ปัจจุบันมันเป็นปาเลสไตน์ดังนั้นเอง เขาก็ควรจะกลับไปที่บ้านเขาซึ่งบรรพบุร เขานู่นน่ะเคยอยู่สิมันก็เลยได้เกิดการ ส่งชาวยิวจำนวนมากนะครับเข้าไปยังพื้นที่ ปาเลสไตน์แล้วก็ไปเอาเนื้อที่บ้านของชาว ปาเลสไตน์ซึ่งเป็นชาวอาหรับเดิมน่ะให้ กลับมาเป็นของพวกเขาเลยครับผมแล้วก็ทำ สงครามต่างๆนานาซึ่งผลก็คือมันทำให้ชาว ปาเลสไตน์ที่เป็นชาวอาหรับกว่า 700,000 คนหรือว่าสัดส่วนประมาณ 85% เปอร์เซ็นต์ ของปาเลสไตน์ทั้งหมดเนี่ยนะก็จำเป็นจะ ต้องอพยพไปหาถิ่นฐานที่ตั้งใหม่ภายในชั่ว ข้ามคืนกันเลยล่ะครับผมซึ่งผลก็คือมันก็ ได้ก่อให้เกิดการล้มตายจำนวนมากของชาว ปาเลสไตน์เป็นยวงเลยนะเนื่องจากว่าไอ้การ จะย้ายที่ไปที่ไหนเนี่ยมันก็ไม่ได้ทำง่าย ๆใช่มั้ยคือแบบเราๆบางทีจะไปเที่ยวต่าง ประเทศเพียงแค่อาทิตย์กว่าเนี่ยเรายัง ต้องใช้เวลาจัดกระเป๋ากันเป็นวี่เป็นวัน เลยนะครับแล้วนี่ผู้คนปาเลสไตน์ที่เได้ โดนสั่งให้ย้ายบ้านในชั่วข้ามคืนเนี่ย เพื่อนๆคิดว่าเา้าจะมีเวลาเตรียมของทัน มั้ล่ะก็คือปาเลสไตน์แต่ละคนกลายเป็นไอ้ บ้าหอบฟางนะครับขนข้าวขนของรถราอะไรทุก อย่างที่เขา้าพอจะหาได้ตอนนั้นเนี่ยก็ยก ขึ้นไปแล้วก็ใช้ทั้ง 2 แรงขาแรงแขนเ้า เนี่ยเดินไปนะครับคือด้วยความที่ ปาเลสไตน์ส่วนใหญ่เขาก็ไม่ใช่ว่าจะร่ำรวย มีรถกันทุกคนเงี้ยนั่นแหละครับมันก็เลย ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มีคนปาเลสไตน์ เนี่ยได้ล้มตายกันระหว่างท่าทางเพียบเลย จนพวกปาเลสไตน์นะครับเขาได้มีชื่อเล่น สำหรับเหตุการณ์นี้ว่านบาหรือแอดก็ไม่แน่ ใจว่าแอดอ่านออกเสียงถูกหรือเปล่านะแต่ ว่ามันจะแปลว่าโศกนาฏกรรมหรือความหายนะ อะไรประมาณนั้นแหละนั่นแหละเพื่อนๆก็ลอง เอาไปคิดดูแล้วกันว่าเหตุการณ์มันจะหนัก หนากันขนาดไหนนะครับเถึงได้ให้ชื่อเล่น นี้มาที่พอหลังจากพวกผู้อพยพปาเลสไตน์เ ได้แห่ออกไปเนี่ยเขาก็ไม่รู้จะไปที่ไหน เค้าก็ไปยังดินแดนซึ่งแบบมีความลักษณะ ใกล้เคียงกันอย่างพวกชนชาติอาหรับเหมือนๆ กันเนี่ยแหละเพื่อหวังว่าจะไปพึ่งใบบุญ ของพวกชาติอาหรับอื่นๆว่าแบบกากินังหรือ เป็นอาหรับเหมือนกันหรือก็ช่วยเหลืออั้ว หน่อยใช่มั้ครับผมซึ่งในตอนแรกๆเนี่ยพวก ผู้อพยพปาเลสไตน์นะครับก็ได้การตอบรับมา ยังเหลือเชื่อครับผมก็คือพวกชาติอาหรับ ต่างๆไม่ว่าจะอิรักซีเรียเลบานอนจอร์แดน อะไรเนี่ยก็ให้ความต้อนรับเขาอยู่แบบ อย่างดีเนืองๆเลยนะแต่ว่าในตรงนี้เนี่ย มันจะมีประเด็นประเด็นอะไรที่แปลกๆอย่าง นึงก็คือเขาน่ะมีการแบ่งแยกชาวปาเลสไตน์ เอาไว้ตั้งแต่ต้นนะครับคือไม่ให้ชาว ปาเลสไตน์เนี่ยได้เข้ามารวมกลุ่มกับพวก อาหรับท้องถิ่นแล้วก็มาหลอมรวมเป็นกลุ่ม อะไรเดียวกันแต่ว่ามันจะมีการสร้าง อาณาเขตให้เป็นแบบเป็นแคมป์ผู้หนีภัยหรือ เป็นเรือนผู้หนีภัยอะไรก็ว่ากันไปนะครับ ให้กลุ่มปาเลสไตน์เนี่ยก็ได้ไปกระจุก กระจุกตัวกันอยู่ตรงนั้นครับผมซึ่งสาเหตุ ที่พวกประเทศอาหรับได้ทำแบบนี้ไปในตอนแรก เนี่ยก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาได้เกลียดชาว ปาเลสไตน์หรอกนะแต่พอพวกเขาเชื่อว่าไอ้ เหตุการณ์เนี้ยที่ปาเลสไตน์ได้อพยพหนีออก จากประเทศมาเนี่ยมันเป็นเหตุการณ์ชั่ว คราวครับผมที่เดี๋อีกหน่อยปาเลสไตน์ไป ตกลงเจรจาอะไรกับอิสราเอลรู้เรื่องเนี่ย พวกปาเลสไตน์ก็จะได้ดินแดนคืนแล้วเขาก็จะ สามารถโยกย้ายกลับไปยังที่บ้านเดิมของเขา เนี่ยได้ในสักวันหนึ่งนะครับแต่ปัญหาก็ คือไอ้สักวันหนึ่งที่พวกเขาได้คาดหวังกัน ทั้งชาวปาเลสไตน์และอาหรับเนี่ยมันก็ไม่ มาถึงสักทีนะครับมันก็เลยได้ก่อให้เกิด ไอ้พวกกลุ่มผู้อพยพเนี่ยได้เริ่มปักหลัก ถิ่นฐานกันอยู่ตรงดินแดนที่เขาได้อพยพ ย้ายหนีไปในชาติอาหรับนั่นแหละแล้วก็ขยาย พงพันกันจากตอนแรกที่อพยพหนีออกมาแค่ 700,000 ใช่มั้ยจนกระทั่งตัวเลขใน ปัจจุบันนี้นะมันกลายเป็น 6 ล้านคนกัน แล้วนะครับผมมันก็เลยได้ทำให้กลุ่มผู้ อพยพชาวปาเลสไตน์นะครับเป็นกลุ่มจำนวนผู้ อพยพที่มากที่สุดของโลกแล้วก็เก่าแก่ที่ สุดของโลกกันเลยทีเดียวนะครับผมซึ่งพอพวก ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์เขาได้ไปอยู่กันในดิน แดนอาหรับอื่นๆกันอย่างเนิ่นนานแล้วใช่ มั้ครับพวกเขาก็เริ่มมีการแบบพัฒนาแคมป์ ที่อยู่ของเขาขึ้นมาจากบางที่เป็นแบบ แคมป์เต็นท์กากๆอะไรตอนนี้ก็เริ่มเป็นตึก คอนกรีตหรือว่าเป็นย่านชุมชนกะเหรี่ยง อาหรับอะไรกันแบบเป็นรูปเป็นร่างแล้วนะ ครับผมเพราะว่าพวกผู้อพยพต่างๆเี่ก็เริ่ม ท้อนแล้วว่าไอ้เหตุการณ์ที่พวกเขาจะได้ สามารถกลับไปอยู่ในเร็ววันได้เนี่ยมันก็ ไม่มาถึงสักทีนะครับผมแต่กลับกันมันกลับ มีเรื่องที่แย่ลงอีกครับผมก็คือในช่วง ประมาณ 2 ทศวรรษหลังจากนั้นที่มันก็ได้มี สงคราม 6 วันซึ่งได้เกิดขึ้นระหว่างชาติ อิสราเอลกับชาติอาหรับต่างๆในปี 1967 นะ ครับที่ผลของสงครามก็คืออิสราเอลก็ได้ชนะ ในสมรภูมินี้แล้วมันก็เลยทำให้ไอ้ ปาเลสไตน์อีกส่วนหนึ่งที่ยังไม่ได้อพยพ ออกมาจากอิสราเอลน่ะก็โดนขับไล่ออกมา เพิ่มครับเป็นประมาณ 300,000 คนบวกๆกัน เลยทีเดียวซึ่งส่วนที่นี้อพยพมาเนี่ยก็จะ ไปกระจุกรวมกันที่ไหนล่ะก็ไปกระจุกรวมกัน ยังชาติอาหรับเดิมๆอย่างแนปนอนซีเรียแล้ว ก็จอร์แดนกันเนี่ยแหละครับผมซึ่งไอเดียใน การรับผู้อพยพตอนนี้มันก็เป็นเหมือนเดิม เลยก็คือเขาหวังว่าไอ้ความพ่ายแพ้ของชาว อาหรับในครั้งเนี้ยมันก็คงเป็นความพ่าย แพ้ที่ไม่จีรังหรอกเดี๋ยวอีกหน่อยเนี่ย อาหรับก็จะแข็งแกร่งขึ้นมาได้แล้วก็จะไป บวกอิสราเอลแล้วก็จะเอาพวกปาเลสไตน์ที่ เคยอพยพมาเนี่ยกลับไปยังปาเลสไตน์ได้ เหมือนเดิมนะครับในตอนนั้นเองชาติอาหรับ ต่างๆก็เลยได้เปิดแคมป์ผู้ลี้ภัยให้พวก ปาเลสไตน์ที่ได้อพยพมาเนี่ยอยู่กันเพิ่ม ครับซึ่งเรื่องที่น่าเศร้าของเหตุการณ์ นี้มันคืออะไรรู้มั้ยครับคือมันจะมีพวก ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์บางคนที่เขา้าได้โดน ขับไล่มาตั้งแต่รอบแรกนะเายังกำกุญแจบ้าน เก่าเขาอันเดิมที่อยู่ในดินแดนปาเลสไตน์ เนี่ยอยู่เลยนะครับโดยหวังว่าสักวันนึง เนี่ยเขาจะได้กลับไปอยู่ในบ้านหลังเก่า แต่ว่าไอ้กุญแจนั้นน่ะมันก็ไม่เคยได้ถูก ใช้มาอีกเลยและความชี้ช้ำของผู้อพยพชาว ปาเรสไตน์นั่นก็คือตลอดเวลากว่าหลาก 10 ปีที่เขาได้อพยพหนีไปอยู่ยังดินแดนอาหรับ ต่างๆอื่นๆนะพวกเขาก็ไม่ได้รับสัญชาติให้ กลายมาเป็นพลเมืองของชาติอาหรับนั้นๆเลย นะครับผมซึ่งผลก็คือมันได้ทำให้พวกชาว ปาเลสไตน์อพยพเนี่ยก็กลายเป็นเหมือนกับ กะเหรี่ยงอาหรับที่ได้ไปหลบๆซ่อนๆอยู่ตาม ประเทศอื่นๆแล้วก็ไม่ได้รับความคุ้มครอง ทางด้านกฎหมายหรือว่ามีสิทธิเสรีภาพ เหมือนกับพลเมืองทั่วไปที่เขามีสัญชาติ อ่ะนะครับผมยกเว้นแต่เพียงแค่ชาติเดียวก็ คือจอร์แดนที่ในประเทศจอร์แดนเนี่ยมันจะ มีเรื่องราวแตกต่างไปนิดหน่อยนะเนื่องจาก ว่าจอร์แดนนะครับมันจะเป็นประเทศกลุ่ม อาหรับที่เขาได้ให้ผลประโยชน์กับกลุ่มผู้ อพยพปาเลสไตน์เนี่ยมากที่สุดแล้วมั้งโดย เฉพาะไอ้พวกผู้อพยพชาวปาเลสไตน์จากในโซน เวestแงคของอิสราเอลเนี่ยนะที่มันก็ได้ อยู่ใกล้ๆกับจอร์แดนใช่มั้ยจอร์แดนก็เลย ได้ให้สัญชาติกับคนเหล่านี้ไปนะครับผม ซึ่งเหตุผลที่ว่าทำไมจอร์แดนถึงเป็น ประเทศอาหรับประเทศเดียวที่ได้ยอมทำแบบ นี้เนี่ยอันนี้แอดแนะนำให้เพื่อนๆได้ไป ฟังในคลิปทำไมถึงไม่มีใครกล้าทำสงครามกับ ประเทศจอร์แดนที่แอดได้ทำเอาไว้นะเพราะ ถ้าให้เล่าเรื่องนี้นี่มันจะยาวมากนะครับ ผมแต่นั่นแหละถึงกระนั้นก็ตามมันก็ไม่ใช่ ว่าพอพวกเขาได้ไปรับสัญชาติเป็นคนจอแดน แล้วเนี่ยพวกเขาก็จะได้อยู่อย่างสุขสบาย นะครับคือพวกเขาเนี่ยก็ยังจะต้องเผชิญกับ ความท้าทายทางด้านการเมืองหรือว่าความ แบ่งแยกเหยียดอะไรที่คนท้องถิ่นเนี่ยก็ มองว่าเขาไม่ใช่คนระดับเดียวกันอยู่เนือง ๆน่ะซึ่งอารมณ์มันก็คงจะประมาณแบบ กะเหรี่ยงหรือแรงงานต่างล่าที่ได้เข้ามา อยู่ในสยามแลนแล้วมันก็จะมีอะไรบางอย่าง ซึ่งบ่งบอกว่าเนี่ยคนท้องถิ่นยังไงยังไง ก็ยังได้มองว่าเค้าเป็นบุคคลอีกชนชั้นนึง อยู่นะครับผมซึ่งนั่นแหละมันก็คือสิ่งที่ ได้เกิดขึ้นกับกลุ่มผู้อพยพที่เขาได้หนี ไปอยู่ในจอร์แดนนะครับที่ก็นับว่าเป็น กรณีที่ดีที่สุดแล้วสำหรับผู้อพยพนะครับ ผมเพราะว่าถ้าหากเราได้กระโดดจากประเทศ จอร์แดนไปยังเลบานอนแล้วกันอ่ะใกล้ๆเหตุ การณ์ความชีช้ำของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์นะ ครับมันก็จะต่างกันไปเลยเพราะนอกจากที่ พวกเขาเนี่ยจะไม่ได้มีโอกาสให้รับสัญชาติ เป็นพลเมืองเลบานอนแล้วนะพวกพวกผู้อพยพ เนี่ยก็จะถูกตัดขาดสิทธิจากการเข้าถึงงาน คือให้เป็นแรงงานอะไรเนี่ยก็ต้องโดนคัด กรองอย่างแบบดีเลยคือแบบโอ๊ะเออเป็นคน ปาเลสไตน์หรไม่ต้องเข้ามาทำงานอะไรประมาณ นั้นนั่นแหละครับมันก็เลยได้ทำให้โอกาสใน การเจริญเติบโตในอาชีพของเเนี่ยมันเป็นไป ได้ยากอีกแล้วพอไม่มีอาชีพมันก็ไม่มีเงิน นอกจากนั้นเองคนอพยพในปาเลสไตน์นะครับก็ ยังได้ถูกกักขังอยู่ในบริเวณแคมป์ผู้อพยพ เนี่ยอย่างเข้มงวดมากด้วยซึ่งสาเหตุที่ ทำไมพวกเลบานอนเต้องทำแบบนี้กับชาวอพยพ ปาเลสไตน์นะครับมันก็อาจจะมีเหตุผลมาจาก การเมืองภายในของเลบานอนนั่นเองเนื่องจาก ชาวเลบานอนเนี่ยถึงแม้ว่าเขาจะเป็นชนชาติ อาหรับนะแต่ว่าข้างในประเทศเนี่ยมันก็จะ เป็นอาหรับที่มีการปะปนกันอยู่หลายศาสนา กันเหลือเกินนะครับผมที่หลักๆเี่ก็จะเป็น ศาสนาคริสต์มุสลิมนิกายชีอะแล้วก็มุสลิม นิกายซูนเนี่ยอยู่ในระดับที่พอกันเลยนะ ครับผมซึ่งคนเลบานอนเองตั้งแต่ตอนก่อตั้ง ประเทศมาเนี่ยเค้าก็กลัวว่าไม่อยากให้ไอ้ กลุ่มศาสนาเนี่ยมันได้ลุกขึ้นมาตบกันนะ ครับคือแบบเดี๋ยวศาสนาอีกศาสนาหนึ่งมอง ว่าเนี่ยอีกศาสนาเนี่ยได้รับอำนาจมากกว่า มีสิทธิทางการเมืองเยอะมากกว่าก็จะแห่ ขึ้นมาก่อเรื่องความไม่สงบสุขกันใช่มั้ย ครับผมดังนั้นเองในตอนแรกๆเลยที่เขาได้มี การจัดตั้งรัฐบาลเนี่ยเขาก็เลยได้มีการ แบ่งรัฐบาลเอาไว้ให้เป็น 3 ส่วนเลยอ่ะคือ ส่วนนี้ก็เป็นของศาสนาคริสต์ไปคือใครที่ ไม่คริสต์คริสต์เนี่ยก็จะไม่มาสามารถทำ หน้าที่ตรงนี้ของรัฐบาลได้อีกส่วนก็เป็น ของมุสลิมซุนนีส่วนก็เป็นของมุสลิมเป็น ชีอะกันไปคือพยายามคุมบาanceซของอัตรา ส่วนประชาชนที่นับถือศาสนานั้นๆไม่ให้มัน ได้มากเกินกว่ากันไปนะครับผมและนั่นแหละ ถ้าหากพวกเขาได้รับชาวปาเลสไตน์เข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นมุสลิมสายซุนิเนี่ย นะมันก็อาจจะทำให้ประชากรมุสลิม ซุนนีเนี่ยได้มีเยอะขึ้นมาในเลบวนอนจน กระทั่งอาจจะเสียสมดุลทางการเมืองอะไรก็ ว่ากันไปนะครับผมนั่นแหละชาวเลบวนอนในตอน นั้นก็เลยได้มีการควบคุมจำนวนของกลุ่มผู้ อพยพชาวปาเลสไตน์แล้วก็ไม่ได้ปล่อยให้ เขา้าเนี่ยเข้ามาหลอมรวมเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกับเลบานอนนะครับผมซึ่งไอ้เรื่องราว แนวๆเนี้ยมันก็ได้ไปเกิดขึ้นกับชาติ อาหรับอื่นๆเหมือนกันที่เขาก็ได้คำนึงถึง เรื่องราวของการเมืองหรือว่าประชากรอะไร ก็ว่ากันไปนะครับมันก็เลยได้ทำให้ชาติ อาหรับส่วนใหญ่เนี่ยถึงแม้ว่าจะรับพวกผู้ อพยพชาวปาเลสไตน์มาแล้วก็ได้ให้ความ เอ็นดูให้บริจาคที่อยู่ที่มีกินจนให้ ปาเลสไตน์เนี่ยไม่ได้หิวจนไส้กิวนะแต่ว่า พวกเขาเนี่ยก็จะยังกีดกันไม่ปาเลสไตน์ เนี่ยเข้ามาหลอมรวมอยู่กับอาหรับอยู่ตลอด เลยซึ่งก็แน่นอนว่ามันก็มีบางกลุ่มของชาว ปาเลสไตน์นะครับที่พอได้โดนกีดกันแบบนี้ มานานๆใช่มั้ยก็รู้สึกทนไม่ไหวอ่ะก็อยาก จะกลับไปมีบ้านมีที่อะไรเป็นของตนเองบ้าง นะครับผมในเวลาต่อมาเนี่ยกลุ่มปาเลสไตน อพยพที่คิดถึงบ้านเหล่านี้นะครับก็เลยได้ ก่อตั้งตนเองขึ้นมาเป็นองค์กรปลดปล่อยชาว ปาเลสไตน์หรือที่เราจะรู้จักกันในตัวย่อ ของ PL นั่นนั่นเอง Palestine Liberation Organization นะครับผมคือสาเหตุแอต้อง พูดให้ยาวๆแบบนี้ก็ไม่ใช่อะไรหรอกบางคน เนี่ยพอแอดพูดตัวย่อมาก็แอดมันย่อมาจาก อะไรพอเราแปลให้เป็นภาษาอังกฤษแล้วแบบแอด แปลว่าอะไรก็เลยพูดให้มันครบทั้ง 3 แบบ กันเลยนะครับแล้วก็นั่นแหละครับหลังจาก ตอนนี้ที่กลุ่มปาเลสไตน์เขาได้ก่อตั้ง องค์กรปลดปล่อยชนชาติของตนเองขึ้นมาหรือ PLO เนี่ยนะพวกเาเนี่ยก็เริ่มหาหนทางที่ จะทำให้ชาวปาเลสไตน์อพยพทั้งหลายแหละ เนี่ยได้กลับไปอยู่ในทีมสิ่งที่พวกเขา เชื่อว่าอิสราเอลเนี่ยได้แย่งไปจากพวกเขา นะครับซึ่งตอนแรกเนี่ยมันก็คงจะเป็นวิธี อะไรที่แบบดีๆเลยก็คือพยายามจะหาหนทางที่ มันสงบสุขได้มากที่สุดนะครับแต่อย่างที่ เรารู้ๆกันตะวันออกกลางเนี่ยมันมันสงบสุข กันได้มั้ล่ะในเวลาต่อมานะครับไอ้การปลด ปล่อยของพวกเขาเนี่ยก็เลยได้เริ่มกลาย เป็นการสั่งสมุธขึ้นมาสั่งสมอุปกรณ์ นานาธิพร้อมจะไปบวกอย่างเดียวนั่นแหละ แล้วในเวลาต่อมาเมื่อกลุ่มอพยพเหล่านั้น เนี่ยเา้าได้มีทายาทใหม่ๆก็คือเด็กรุ่น ใหม่ๆที่เขาได้เกิดขึ้นมาในแคมป์อพยพเลย แล้วก็ได้รับความยากลำบากในแคมป์อพยพตั้ง แต่ต้นกำเนิดนะครับผมพวกเขาเนี่ยก็เลยรู้ สึกว่าไอ้ชาติที่ได้ให้พวกเขาได้อพยพเข้า มาอยู่เนี่ยมันได้กดขี่ขมแห่งพวกเขาไปซะ งั้นนะครับคือไม่ได้เห็นบุญคุณเลยว่าแต่ ก่อนเนี่ยชาติอาหรับเหล่านี้ก็ได้รับเขา ขึ้นมานะครับเนื่องจากมันก็ไม่ได้มีภาพ อะไรตั้งแต่ตอนที่เขาได้อพยพหนีมาไงคือ เกิดมาก็ลำบากแล้วนะครับผมนั่นแหละมันก็ เลยที่ทำให้เกิดการที่ว่าไอ้กลุ่มผู้อพยพ เหล่าเก็เริ่มจะทำเรื่องอะไรไม่น่ารักกับ ชาชาติที่เขาได้อพยพเข้าไปอยู่แล้วนะหรือ แฮชทกชาวนากับงูเห่าเนี่ยแหละและก็แน่นอน ครับทางชาติที่ได้รับผู้อพยพเข้าไปเนี่ย ก็เริ่มไม่โอกับพวกเขาเหมือนกันมันก็เลย ได้ทำให้ในเวลาต่อมาพอมันจะเกิดสงคราม อะไรระหว่างอิสราเอลกับกาซ่าหรืออิสราเอล กับเวestแง์แล้วมันได้มีผู้อพยพชาว ปาเลสไตน์อ่ะได้แตกกระซ่านออกมานะครับชน ชาติอาหรับต่างๆเก็พยายามจะหาทางแบบโอไม่ ไม่ลาผู้อพยพแล้วหรือหาทางแบบเขียดๆให้ ผู้อพยพเนี่ยเค้าไปยังชาติอื่นกันแทนนะ ครับผมซึ่งทีนี้เนี่ยเราก็มาดูกันดีกว่า ว่าแล้วไอ้วีรกรรมของกลุ่มชาวอพยพ ปาเลสไตน์ที่ได้หนีเข้าไปก่อร่างสร้าง ปัญหาในแต่ละที่เนี่ยมันได้ร้ายแรงขนาด นั้นกันเลยเหรอมันถึงทำให้ชนชาติอาหรับ ด้วยกันเองเนี่ยเค้าถึงขยาดไม่อยากรับกัน นะครับเราก็มาเริ่มกันจากปัญหาในจอร์แดน หรือว่าชนชาติอาหรับที่เหมือนจะดีที่สุด แล้วล่ะมั้งครับในบรรดาผู้รับผู้อพยพ เนี่ยก็คือนอกจากที่จอร์แดนจะรับผู้อพยพ ก็ยังได้มีการให้สัญชาติกับกลุ่มผู้อพยพย อีกจำได้มั้ยซึ่งไอ้ตอนแรกๆเนี่ยเหตุ การณ์มันก็ดำเนินไปได้ด้วยดีนะครับหากแต่ ว่าพอระยะเวลามันผ่านไปถึง 3 ทศวรรษหรือ ว่าตอนที่กลุ่มผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ได้ กลายเป็น PLO หรือองค์กรก่อการร้ายภายใต้ ชื่อว่าการปลดปล่อยชาวปาเลสไตน์นี่แหละ พวก PLO เนี่ยก็ได้เริ่มเปลี่ยนให้ค่าย ผู้ลี้ภัยของจอร์แดนนะครับกลายเป็นเหมือน กับป้อมปราการพระคลังอาวุธอะไรของเขาที่ ว่า PLO ก็จะเริ่มเอาอาวุธเนี่ยมาสั่งสม อยู่ในตรงบริเวณของโซนผู้อพยพนะซึ่งก็แน่ นอนมันก็เป็นเรื่องราวที่ไม่ปลอดภัยกับ จอร์แดนสิเพราะจอร์แดนเนี่ยก็เป็นเหมือน กับประเทศที่ไม่ค่อยอยากจะไปบวกกับประเทศ รอบๆข้างนะครับผมถ้าเปรียบเทียบภาพให้ เห็นง่ายๆจอร์แดนนี่ก็จะเป็นเหมือนกับ สวิตเซอร์แลนด์ของแดนอาหรับอ่ะนะคือเป็น ประเทศที่เป็นกลางนะครับผมแต่นั่นแหละพอ มันจะเป็นกลางปุ๊บนะครับมันก็ดั้นไปขัด กับอุดมการณ์ของกลุ่ม PLO ครับไอ้กลุ่ม PLO ในตอนนั้นเนี่ยก็เลยได้เริ่มมีการ ประท้วงต่างๆในจอร์แดนขึ้นมามีการไปลอบ สังหารประธานาธิบดีของจอร์แดนพยายามไป สังหารนักการทูตของจอร์แดนประจำกรุง ลอนดอนพยายามจะไปท้าทายอำนาจอธิปไตยของ จอร์แดนก็คือพยายามจะไปแบบล้มล้างสถาบัน กษัตริย์ของจอร์แดนกันเลยอ่ะซึ่งนั่นแหละ ครับเมื่อเรื่องราวมันได้รุนแรงขนาดลาม ปรามไปถึงองค์เหนือหัวของจอร์แดนแบบนี้นะ จอร์แดนก็รับไม่ได้สิครับจอร์แดนในตอน นั้นเนี่ยก็เลยได้ส่งกองกำลังจำนวนมากเลย เพื่อจะไปปราบปรามไอ้กลุ่ม PLO นี่แหละจน มันทำให้เกิดเป็นสมรภูมินองเลือดอยู่แบบ เนืองๆเล็กๆเลยนะครับที่ผลก็คือนอกจากมัน จะมีคนเสียชีวิตเป็นพันแล้วเนี่ยพวกชาว อพยพปาเลสไตน์กว่าอีกหลากหลายพันรวมถึงคน ที่ได้ถูกรับสัญชาติเป็นชาวจอร์แดนแล้วนะ ก็ได้ถูกถอดสัญชาติออกแล้วก็เนรเทศบอกออก ไปเลยไม่ต้องมาอยู่ในจอแดนอะไรประมาณนั้น นะครับผมซึ่งความซวยเนี่ยมันก็ได้ลามปาม ไปถึงกับพวกผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ที่เขาแบบ ไม่ได้คิดอยากจะไปหาเรื่องอะไรด้วยแต่ก็ ได้เกิดความระแวงขึ้นแล้วแบบเดี๋ยวนี่มัน จะกลายเป็นกลุ่มพี่ O ป่ะก็เลยได้ถูก เนรเทศออกไปหรือแฮชทกปลาเน่าตัวเดียวทำ ให้มันปลาเสียทั้งแผงนั่นแหละครับและพอ หลังจากที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ได้ ถูกเนรเทศออกไปใช่มั้ยพวกเก็เร่ร่อนไปยัง ดินแดนประเทศกลุ่มอาหรับอื่นๆที่มันใกล้ เคียงนะครับอย่างเลบานอนเนี่ยนะแล้วก็ เช่นเคยเลยครับความวิบัติเนี่ยมันก็ได้มา บังเกิดในเลบานอนในเวลาต่อมาเลยก็คือพวก กลุ่มผู้ก่อการร้ายเหล่านี้นะก็ได้ไปปัก หลักลงยังเลบานอนนะครับและพวกเก็สร้างฐาน อะไรต่างๆเอาอาวุธเข้ามาสะสมกันเหมือน เดิมนอกจากนั้นก็ยังไปแทรกแซงการเมืองใน เลวานอนต่างๆนานาด้วยจนมันได้จุดชนวนให้ เกิดเป็นสงครามกลางเมืองของเลบานอนที่ก็ ได้กินระยะเวลามาตั้งแต่ปี 1975 จนถึง ช่วงต้นๆของยุค 90 นู่นเลยคือเกือบ 2 ทศวรรษอ่ะที่มันได้ทำให้มีคนตายในเหตุ การณ์ครั้งนั้นนะไปกว่า 100,000 คนแล้วก็ ไร้บ้านอีกไม่รู้กี่แสนนะครับผมหรือว่า อีกหนึ่งตัวอย่างนึงที่เราน่าจะคุ้นๆกัน ดีก็คือไอ้ช่วงปี 2023 กับ 24 ที่ผ่านมา ที่อิสราเอลเได้เริ่มตบกับฮามาสอ่ะจำได้ มั้ยแล้วอยู่ๆมันก็มีพวกกลุ่ม ฮิชบุลเลาะห์อะไรในเลบานอนเนี่ยที่ก็ได้ เข้าไปจอยด้วยกันในสงครามอิสราเอลจน กระทั่งสุดท้ายและเลบานอนก็ต้องมาโดนลูก หลงจากอิสราเอลกันมาอย่างอีกเยอะแยะเลยนะ ครับผมคืออิสราเอลก็ได้ยกคนเข้ามาถล่มใน เลบานอนกันเลยด้วยบอกว่าเนี่ยในเลบานอน เนี่ยมันมีพวกกลุ่มผู้ก่อการร้ายพวกอยาก จะปลดปล่อยปานเลสไตลอยู่เราก็เลยคงจะเข้า ใจสภาพนะแบบว่าชาวเลบอนเก็คงจะรู้สึกขยาด กับการที่มีกลุ่มผู้อพยพเนี่ยมาอยู่ใน บ้านเขาแล้วมันได้ทำให้บ้านเขาน่ะมันซวย นะครับผมแล้วก็นั่นแหละครับผมด้วยหลังจาก เหตุการณ์ต่างๆนานาที่มันได้เกิดขึ้นใน เลบานอนนะสถานการณ์ของผู้อพยพชาว ปาเลสไตน์ในเลบานอนเนี่ยก็เลยเป็นแบบโดน กีดกันทางการเมืองโดนห้ามไม่ให้เข้าไปทำ อะไรหลายๆอย่างเลยคือกักกันไม่ให้คนเหล่า นั้นเนี่ยได้มามีอำนาจนามากขึ้นแล้วอาจจะ เข้าไปแทรกแซงอะไรในเลบานอนอีกนะครับผม แต่ตอนนี้ก็แบบโดนแทรกแซงกันเข้าไปแล้ว แหละหรือว่าอันนี้เด็ดเลยนั่นก็คือเรื่อง ราวของกลุ่มผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ในคูเวต ที่ตอนนั้นเนี่ยมันก็มีเหตุการณ์สงคราม อิรักกับคูเวตนะครับที่หลังจากซัดดำได้ ขึ้นมามีอำนาจในอิรักใช่มั้ยซัดดำเนี่ยน ก็ก่างครับส่งคนเข้าไปบุกในคูเวตกันเลย แล้วด้วยความที่ว่าผู้นำของกลุ่มปลดปล่อย ชาวปาเลสไตน์ในตอนนั้นเนี่ยเเหมือนกับจะ อวยใจให้กับซัซัดดำอยู่สักนิดนึงนะครับ เค้าก็เลยได้ไปร่วมกับซัดดำอ่ะเพื่อจะมา ปลูกคูเวทกันด้วยก็คือเป็นหนอนบ่อนไส้จาก ภายในกันเลยนะครับผมซึ่งนั่นแหละมันก็เลย ได้ทำให้คูเวทในตอนนั้นนะครับถึงกับสะบด ออกมาเลยว่าคูเวทนี่ข้าให้เจ้าอยู่ในบ้าน ข้าแล้วเจ้ามาทำตัวเป็นงูเห่าแบบนี้เลย ได้มันก็เลยได้ทำให้พอหลังจากที่สงคราม คูเวทกับอิรักได้จบลงแล้วคูเวตก็เป็นฝ่าย ชนะนะครับคูเวตเนี่ยก็เลยได้ไล่ออกไปเลย ไอ้พวกชาวปาเลสไตน์อพยพกว่าหลายแสนเนี่ย ออกไปให้หมดไม่ต้อนรับพวกนี้แล้วไม่ต้อง กลับเข้ามาในชาติเ้าอีกเลยนะครับผมและไอ้ เรื่องราวแนวเนี้ยมันก็จะไปเกิดซ้ำๆกัน กับดินแดนอาหรับอื่นๆที่เขาได้ไปรับชาติ อพยพปาเลสไตน์เนี่ยเข้าไปนะครับซึ่งเอา จริงๆแล้วมันจะมีเรื่องอีกเยอะแยะมากเลย ถ้าให้แอดเล่าเรียงตามประเทศเนี่ยแอดว่า เพื่อนๆน่าจะได้หลับกันไปสัก 3 รอบกันแน่ แต่ก็เอาเป็นว่านั่นแหละเพื่อนๆก็น่าจะพอ เก็ไอเดียกันนะครับว่าไอ้ปัญหาของผู้อพยพ ชาวปาเลสไตน์ในวงเล็บบางกุกลุ่มที่มันได้ หัวรุนแรงเนี่ยมันก็เลยไปทำให้ชาติอาหรับ ต่างๆที่เขาเคยต้อนรับเข้าไปเนี่ยนะหลังๆ ก็รู้สึกเขยดขยันแล้วว่าเฮ้ยเดี๋ยวรับไป แล้วมันจะเกิดเรื่องอะไรแบบนี้ขึ้นมาอีก หรือเปล่ากลุ่มชาติอาหรับต่างๆนะครับก็ เลยพยายามขับไล่หรือว่าเนรเทศพวกผู้อพยพ ชาวปาเลสไตน์เนี่ยออกไปบางประเทศก็แบบ โจ่งแจ้งบ้างหรือบางประเทศก็แบบขับไล่ไป แบบเนิบๆไม่ให้ชาติอื่นได้รู้นะครับเพราะ เอาจริงๆไอ้เบื้องหลังเรื่องนี้เนี่ยมัน ยังมีเหตุผลทางการเมืองอีกที่ครับบางที ชาติรับผู้อพยพน่ะเค้าก็ยังให้พวกผู้อพยพ ชาวปาเลสไตน์อยู่นะเนื่องได้ว่าเหตุผลทาง การเมืองในเวทีโลกหรือว่าเรื่องราวการคาน อำนาจกันระหว่างอิสราเอลอย่างเงี้ยนะครับ ผมเพราะลองคิดดูนะถ้าหากประเทศพวกผู้อพยพ เนี่ยเขาได้รับพวกผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ไป หมดแล้วก็ไม่ได้ไปให้สัญชาติไอ้คนอพยพชาว ปาเลสไตน์เนี่ยก็ไม่ต้องเป็นปาเลสไตน์ แล้วสิก็สามารถอยู่ในบ้านนั้นได้ซึ่งมัน ก็ไปโดนใจอิสราเอลอีกแบบไม่อยากให้ ปาเลสไตน์มาอยู่ในดินแดนนะครับตั้งแต่ยาว นานแล้วนะครับผมซึ่งถามว่าแล้วส่วนในมุม มองของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์เนี่ยเค้าเนี่ย อยากจะได้สัญชาติได้ไปอยู่ในประเทศที่ เค้าได้อพยพหนีกันไปอยู่หรือเปล่านะครับ เราก็ต้องบอกว่าหลายๆคนเนี่ยเค้าก็ไม่นะ ครับผมเค้าก็ยังมีความหวังอยู่ว่าเค้า เนี่ยจะสามารถกลับไปอยู่ในบ้านของเค้าได้ คือโอเคล่ะอาจจะไม่ต้องขับไล่อิสราเอลออก ไปหมดจนหมดเกลี้ยงดินแดนให้เป็นดินแดนของ ปาเลสไตน์ 100% ก็ได้แต่มันจะทำไม่ได้เลย เหรอกับการที่แบบอ่ะแบ่งที่อยู่กันอยู่ กันอย่างสงบสุขไม่ต้องมาหาเรื่องแบบยิง ยิงกันไปยิงกันมาอะไรแบบนี้นะครับซึ่งถ้า จะให้แอดตอบโดยความคิดแอดนะแอดว่ามันคงจะ ไม่ได้นะครับผมเพราะมันก็ยังมีฝ่ายหัว รุนแรงอยู่ทั้ง 2 ฟากอ่ะไม่ว่าทั้ง ปาเลสไตน์หัวรุนแรงหรือว่าอิสราเอลหัว รุนแรงนะครับมันก็เลยน่าจะทำให้ปัญหาของ ผู้อพยพชาวปาเรสไตน์เนี่ยก็ยังไม่ได้จบ สิ้นลงในเร็ววันนี้อย่างแน่นอนนะครับผม ซึ่งอันนี้ถ้าหากใครอยากฟังว่าแล้วทำไม ชาติจอร์แดนเ้าถึงเป็นเหมือนกับ สวิตเซอร์แลนด์ของอาหรับหรือว่าเป็น ประเทศที่เป็นกลางโดยที่ไม่มีดินแดนไหน อยากจะไปทำสงครามกับจอแดนเลย

Beginner's Guide to Cryptocurrencies


เปิดเบื้องหลัง "ฮุนมาเนต" ผมหงอกเต็มหัว เครียดฝรั่งแฉสนามบินร้าง แถมเงินหมดคลัง!

เปิดเบื้องหลังหุ่นมานเน็ตผมหงอกเต็มหัว เครียดฝรั่งแฉสนามบินร้างแถมเงินก็หมด คลังอีกค่ะ ภาพล่าสุดของคุณมานetค่ะนายกกัมพูชากลาย เป็นเรื่องที่พูดถึงกันทั้งโซเชียลเลย เพราะว่าผมเนี่ยหงอกเต็มหัวเลยคุณผู้ชม หลายๆคนบอกว่านี่แหละค่ะคือสิ่งที่ความ เครียดถาโถมเข้ามาก็เลยทำให้เห็นเป็นผม หงอกแบบนี้ทั้งเรื่องจากสนามบินเตโชว์ที่ เปิดไม่ถึงเดือนก็เงียบเหมือนสุสานไปจน ถึงข่าวร้อนล่าสุดที่ว่าเงินทุนสำรอง กัมพูชากำลังร่อยหลอจนน่ากังวลค่ะโดย เริ่มมาตั้งแต่เรื่องสนามบินนานาชาติเตโช จังหวัดกันดารอำเภอแห้งแล้งตำบลยากไร้ ก่อนเลยค่ะที่รัฐบาลกัมพูชาเคยโม้เหม็นนะ คะว่าจะเทียบชั้นกับสนามบินสุวรรณภูมิของ ไทยวันแรกๆค่ะคุณผู้ชมคนน่ะเห่อไปเล่น บันไดเลื่อนกันจนแน่นเลยตั้งวงเม้ามอย ด้วยแต่พอผ่านมาสัปดาห์เดียวเท่านั้นล่ะ ค่ะคนหายวับเหมือนกับดีดนิ้วสั่งเลยบวก กับว่าสนามบินเนี่ยมีการประกาศเก็บค่าที่ จอดจอดรถด้วยค่ะหลังจากที่ปล่อยให้จอดฟรี กันมาหลายวันคราวนี้ตั้งแต่ประกาศเก็บค่า จอดรถเท่านั้นคนก็ไม่ไปกันแล้วค่ะมีแต่ พวกอินฟูเขมรบางคนที่ไปทำคอนเทนกันแล้วมา ล่าสุดค่ะไปเจอคลิปนักท่องเที่ยวต่างชาติ นึงคุณผู้ชมบังเอิญเจอเขาเนี่ยก็ได้มี โอกาสไปสนามบินนานชาติเตโชว์เหมือนกันแต่ ว่าเขาบอกว่าเขาไม่ได้จะมาขึ้นเครื่องไป ไหนหรอกนะแค่จะมารับพัสดุเฉยๆก็เลยถือ โอกาสมาดูสนามบินสักหน่อยเห็นคนเขมรเขา ตื่นเต้นกับที่นี่มากๆแต่ว่าสิ่งที่ทำให้ เขาสะดุดตาและตลกมากๆนั่นก็คือว่าเขา สังเกตเห็นค่ะว่าคนที่มาสนามบินเนี่ยไม่ มีใครมีกระเป๋าเดินทางเลยสักคนซึ่งนั่นก็ หมายความว่าที่นี่ไม่มีนักเดินทางตัวจริง ค่ะมีแค่เพียงคนมาถ่ายรูปและก็มาเดินเล่น เท่านั้นไปดูคลิปของเขากันหน่อยค่ะ เที่ยว ท่านนี้เขาไม่ได้มีเจตนาจะแฉเขมรค่ะเขาก็ แค่พูดตามสิ่งที่เขาเห็นเพราะว่าความจริง ยังไงก็เป็นความจริงอยู่วันยันค่ำนั่น แหละค่ะและนอกจากคลิปของนักท่องเที่ยวคน นี้แล้วค่ะก็ยังมีอีกหลายคลิปนะที่เห็น ชัดๆเลยถ้าเกิดสังเกตว่าในคลิปเนี่ยคุณ ผู้ชมแทบจะไม่มีคนเลยแล้วหลายวันติดๆกัน มาด้วยสนามบินอย่างเงียบเชียบเลยและเมื่อ ดูข้อมูลจากไฟท์ไฟเลดารของวันนี้ค่ะวัน เสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุดก็ควรจะคึกคักกับ ไฟท์น้อยกว่าที่ควรจะเป็นและยิ่งดูโดยรวม ค่ะในภูมิภาคนี้ไม่มีสนามบินไหนเงียบเท่า เขมรอีกแล้วค่ะตอนนี้ต้องบอกว่าเขมรน่า ห่วงนะคะว่าจะพ้นเดือนนี้มสนามบินที่จีน สร้างไทยบริหารเขมรเป็นหนี้แถมเป็นหนี้ ยาวถึง 50 ปีจะคุ้มหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เหมือนกันและนอกจากนี้อีกเรื่องนึงที่น่า จับตานั่นก็คือเรื่องของเงินคังเขมรตอน นี้ที่ล่อยหลอค่ะโดยทางเพจคัดนักข่าวได้ ไปดูข้อมูลจากหลายสื่อหลักมาเขาสรุปมาได้ นะคะว่าหลังจากที่มีเหตุการณ์ปะทะชายแดน ไทยกัมพูชาที่บ้านหนองย่าแก้วจังหวัด สระแก้วเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา นอกจากจะมีผู้บาดเจ็บ 24 รายจากแก๊สน้ำ ตาลและกระสุนยางแล้วผลสะเทือนที่หนักกว่า ก็คือเรื่องของกระเป๋าเงินรัฐบาลพนมเปน นี่แหละค่ะที่แทบจะทรุดเลยโดยธนาคารแห่ง ชาติกัมพูชา NBC ได้เปิดเผยค่ะว่าเงินทุน สำรองระหว่างประเทศกัมพูชาลดลงเร็วผิด ปกติจาก 18.5,000 ล้านดอลลาร์ในเดือน กรกฎาคมหายไปกว่า 2.3,000 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียงแค่ 16.2,000 2,000 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐในเดือนสิงหาคมหรือหดตัวกว่า 12% ภายในระยะเวลาแค่เดือนเดียวซึ่ง สาเหตุหลักๆเขาบอกว่ามันมาจากการปิดผมแดน ทั้ง 5 แห่งนี่แหละค่ะกระทบการค้าชายแดน ปีละกว่า 175,000 ล้านบาทโดยไทยยังได้ดุล กว่า 19,000 ล้านบาทแต่ว่าฝั่งกัมพูชา เนี่ยกลับเจอปัญหาสินค้าจำเป็นขาดตลาดไม่ ว่าจะเป็นน้ำมันค่ะที่หายไปกว่า 7.4% 4% ผักผลไม้เครื่องจักรลดกว่า 30% ภายใน เดือนเดียวส่งผลให้ราคาสินค้าในพนมเปน พุ่งกว่า 15% และผลกระทบนี้ทำให้เศรษฐกิจ กัมพูชาเสี่ยงชะลอลดลงทันที 2-3% ค่ะจาก ที่เคยโตอยู่ที่ 6.5% ในปี 2567 ในขณะที่ ไทยเองค่ะแทบไม่สะเทือนอะไรเลยนะหดแค่ เพียง 0.3% 3% เท่านั้นซึ่งความต่างนี้ ค่ะคุณผู้ชมมันสะท้อนให้เห็นชัดว่า กัมพูชาพึ่งไทยมากกว่าที่ไทยพึ่งกัมพูชา อยู่แล้วด้านการท่องเที่ยวค่ะก็ต้องบอก ว่าเขมรตายสนิทค่ะเมื่อคนไทยซึ่งเคยเป็น นักท่องเที่ยวหลักหายไปเกือบหมดตั๋วเข้า ชมอังกอวัดนครงนครวัดจากนักท่องเที่ยวไทย เนี่ยลดลงไปกว่า 92% ทั้งที่ปี 2567 เคย มีคนไทยข้ามไปเที่ยวกว่า 2,150,000 คนค่ะซึ่งตอนนั้นก็สร้างรายได้คิดเป็นราว ๆ 9% ของ GD GDP ของกัมพูชาเลยซึ่งนาย ฮุนมาเน็ตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาก็ถึง ขั้นออกโรงประนามเลยนะคะว่าไทยกำลังใช้ สงครามเศรษฐกิจรีบไปร้องงองแงขอให้ อาเซียนโดยเฉพาะนายอันวาอิบราฮีมนายกของ มาเลเซียมาเป็นตัวกลางในการไก่เกี่ยแต่ ว่าฝั่งไทยเนี่ยกลับตอบชัดค่ะว่าให้ทหาร จัดการเต็มที่ไปเลยแต่พร้อมเจรจา GBC แบบ ทวิภาคีซึ่งปัญหาก็คือว่ากัมพูชาเ่ะไม่มี เครื่องมือรับรองวิกฤตค่ะเงินทุนสำรองใน คังก็แทบแทบจะไม่มีความหนาเลยคุณผู้ชม ระบบสวัสดิการก็อ่อนแอธนาคารกลางก็ต้อง ยอมปล่อยค่าเงินเรียวให้อ่อนลง 5% เพื่อ พยุงสภาพคล่องซึ่งนั่นก็จะยิ่งเสี่ยงทำ ให้เงินเฟ้อพุ่งซ้ำเติมค่ะด้านนัก วิเคราะห์จาก World Bงค์ยังเตือนไปอีกนะ คะบอกว่าถ้าไม่รีบกระจายการนำเข้าสินค้า ไปเวียดนามหรือว่าจีนความเสียหายจะยิ่ง ทวีคูณมากกว่านี้และหากแรงงานกัมพูชาใน ไทยกว่า 500,000-1 ล้านคนถูกบีบให้ออกจาก ประเทศเงินที่โอนกลับบ้านปีละราวๆแสนล้าน บาทก็อาจจะหายไปด้วยซึ่งพูดอีกแบบก็คือ ว่าตอนนี้กัมพูชากำลังอยู่ในสภาพที่เลือด ไหลไม่หยุดค่ะเงินทุนสำรองที่เคยดูมั่นคง ก็เริ่มบางลงเหมือนผมบนหัวทุกทีแล้วและ ถ้าเกมชายแดนยังไม่ยุติเร็วๆนี้พนมเปรนก็ อาจจะหมดแรงในการตั้งหลักทางเศรษฐกิจเร็ว กว่าที่เราคิดซึ่งคนที่ถูกเพ่งเล็งหลักๆ เลยตอนนี้เก็คือนายฮุนมาเนตนี่แหละค่ะที่ ต้องรับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ของสนามบินที่เจ๊งและครั้งที่ใกล้เกลี้ยง แล้วค่ะ

Beginner's Guide to Cryptocurrencies