Saturday, September 20, 2025
"อเมริกา" อ่วม โดนแก๊งไซเบอร์ "กัมพูชา" ดูดเงินปีเดียวหมื่นล้านเหรียญ
อเมริกาก็ไม่รอดค่ะโดนแก๊งไซเบอร์นะคะ หลอกเงินเช่นกันค่ะปีที่แล้วปีเดียวนะคะ โดนดูดเงินไปแล้วกว่าหมม,ืล้านดอลลาร์ สหรัฐค่ะหรือคิดเป็นเงินไทยนะคะก็มากกว่า 3.100สน 100,000 ล้านบาทค่ะแต่ว่าเรื่อง นี้ทางการสหรัฐบอกว่าไม่ขอทนนะคะล่าสุด ประกาศคว่ำบาทค่ะเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง กับการสแกมเมอร์นะคะแล้วก็ชี้เป้าเลยค่ะ บอกว่าฐานที่มั่นก็คือกัมพูชาและ เมียนมาร์ค่ะ ข่าวใหญ่ที่ตอกย้ำอีกครั้งเลยนะคะว่าตอน นี้ศูนย์กลางของสแกมเมอร์โลกอยู่ที่ ประเทศกัมพูชาและเมียนมาร์ค่ะในอาเซียน ของเรานี่เองนะคะเมื่อทางสำนักข่าวต่าง ประเทศรายงานบอกว่าสำนักงานควบคุมทรัพย์ สินต่างประเทศหรือว่า OFAC ของกระทรวง คลังสหรัฐอเมริกาได้ออกมาตรการคว่ำบาตร เครือข่ายศูนย์กลางการหลอกลวงทางไซเบอร์ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พุ่งเป้านะคะไป ที่ 9 เครือข่ายในเมืองชเวกโก๊กโกประเทศ เมียนมาร์และอีก 10 เครือข่ายในกัมพูชา เพื่อตั้งใจปิดเส้นทางการเงินของเครือ ข่ายเหล่านี้สหรการนั้นเจอกับแก๊งไซเบอร์ แพงริฤทธิ์อย่างหนักนะคะหลังจากที่ปีที่ ผ่านมาในเวลาเพียงแค่ปีเดียวชาวอเมริกัน นั้นโดนหลอกดูดเงินจากเครือข่ายนี้ไปแล้ว มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือว่า กว่า 3.1 100สนล้านบาทค่ะซึ่งตัวเลขนี้ พุ่งขึ้นจากปีก่อนถึง 66% เป็นการสะท้อนให้เห็นชัดเจนเลยนะคะว่ามี การเติบโตในเชิงอุตสาหกรรมของธุรกิจหลอก ลวงออนไลน์ค่ะโดยทาง John เฮอรี่ปลัด กระทรวงการคลังด้านการก่อการร้ายและข่าว กรองทางการเงินหรือ TFI ค่ะระบุว่า อุตสาหกรรมการหลงทางไซเบอร์ในเอเชียตะวา เฉียงใต้ไม่เพียงแต่คุกคามความเป็นอยู่ ที่ดีและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน สหรัฐเท่านั้นนะคะแต่ว่าเรื่องนี้เป็น เรื่องใหญ่ค่ะทำให้ผู้คนหลายพันคนนั้น ต้องตกเป็นทาสยุคใหม่ตั้งแต่การถูกคุกคาม คมขู่หรือบีบบังคับให้ทำงานหรือบริการ เหล่านี้และเรื่องนี้ก็สอดคล้องนะคะกับ รายงานจากทาง Amnesty International และ องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างๆที่ชี้ตรงกันค่ะ บอกว่าศูนย์หลอกลวงในกัมพูชาและเมียนมาร์ นั้นแทบจะไม่ต่างจากเรือนจำมีการควบคุม แรงงานฤทธิ์รอนเสรีภาพและการใช้ความ รุนแรงต่อคนที่ต้องการจะหลบนี้หรือต่อ ต้านค่ะแต่สำหรับวันนี้นะคะทางการสหรัฐ ย้ำเลยค่ะว่าภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลดทรัมป์และรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง สกอตเบสเซนนะคะจะมีการทุ่มเทเครื่องมือ ทั้งหมดที่มีค่ะเพื่อมาต่อสู้กับระบบ อาชยกรรมทางการเงินดังกล่าวมาปกป้องชำรนะ คะให้หลุดพ้นจากความเสียหายอันใหญ่หลวง ที่เกิดขึ้นจากการสแกมป์ค่ะขณะที่ มาโครรูบิโอรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของสหรัฐนะคะก็ย้ำถึงความตั้งใจในการจัด การปัญหานี้ค่ะข้อเสริมนะคะบอกว่ามาตรการ เหล่านี้ไม่เพียงแค่มีจุดมุ่งหมายเพื่อมา ปกป้องผู้เสียหายในสหรัฐเท่านั้นแต่ว่า เป็นการทำลายโครงสร้างทางการเงินของขบวน การอาชกรรมที่ไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มก้อน เล็กๆแต่ว่ามีการทำงานอย่างยิ่งใหญ่ใน ระดับอุตสาหกรรมค่ะรายงานของกระทรวงคลัง สหรัฐระบุด้วยนะคะว่าเหยื่อที่ตกเป็นธาตุ ยุคใหม่ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่ว่างงาน หรือว่าตกงานอยู่ค่ะแล้วแก๊งไซเบอร์เหล่า นี้นะคะจะมีการแต่งเรื่องใช้ข้อมูลเท็จ ล่อล่วงล่อหลอกให้เหยียดสนใจเข้าไปทำงาน ในค่ายแรงงานแต่ว่าหลังจากนั้นค่ะแรงงาน ก็จะโดนหลอกนะคะให้ทำงานต่อด้วยการอ้าง ว่ามีการผูกมัดหนี้สินถ้าไม่ยอมทำงานก็จะ มีการใช้ความรุนแรงหรือข่มขู่ให้ค้า ประเวณีบีทบังคับให้แรงงานเหล่านี้นะคะทำ หน้าที่หลอกลวงเหยื่อคนอื่นๆในโลกออนไลน์ ค่ะผ่านการส่งข้อความในแอปพลิเคชัหรือว่า โทรศัพท์โน้มน้าวชักจูงนะคะให้บอกข้อมูล การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์แล้วก็มีการ ติดตั้งซอฟต์แวร์เถื่อนจากระยะไกลเพื่อมา ดูดเงินหรือว่าถ่ายเททรัพย์สินออกมาได้ ค่ะซึ่งวิธีการหลอกลวงที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุดนะคะคือสิ่งที่เรียกว่าพิกing scam หรือว่าการหลอกเอาหมูมาเชือดค่ะมา ก็เริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์ปลอมนะนะ คะผ่านแอปพลิเคชัหาคู่หรือว่าแพลตฟอร์ม ออนไลน์คนที่หลอกนะคะก็ใช้เวลานานในการ สร้างความไว้ใจค่ะก่อนจะมีการชักจงเหยื่อ ให้ลงทุนในแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ ดิจิตอลที่ทำขึ้นมาอย่างแนบเนียนและเมื่อ เหยื่อหลงเชื่อลงทุนไปแล้วนะคะสุดท้าย เงินทั้งหมดค่ะจะโดนยักย้ายไปยังบัญชีที่ ไม่สามารถติดตามได้แล้วนะคะและคนที่เป็น ผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่เพียงแค่ต้องเสีย เงินก้อนใหญ่เงินออมทั้งชีวิตแต่ว่าต้อง เจอกับผลกระทบด้านจิตใจที่หนักหนาสาหัส ยากจะเยียวยาด้วยค่ะซึ่งรายงานข่าวก็ระบุ เลยนะคะว่าเครือข่ายสแกมเมอร์เหล่านี้โต อย่างรวดเร็วในช่วงของการระบาดโควิด-19 ค่ะแล้วก็มาเป็นข่าวครึกโคมได้รับความสน ใจจากทั้งโลกอีกครั้งนะคะเพราะว่าเมื่อ ต้นปีที่ผ่านมาค่ะมีการกวัดล้างครั้งใหญ่ โดย AP ก็รายงานนะคะบอกว่าเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมามีแรงงานกว่า 7,000 คนนะคะจากทั่วโลกเลยค่ะถูกควบคุมตัวและรอ ส่งตัวกลับประเทศบริเวณชายแดนประเทศ เมียนมาร์ซึ่งจากการปรับปรามครั้งนี้นะคะ ผ่านการประสานงานระหว่างประเทศไทย เมียนมาร์แล้วก็จีนค่ะอย่างไรก็ตามนะคะ แม้ว่าจะมีการกวาดล้างครั้งใหญ่แต่ว่านัก สิทธิมนุษยชนยังคงตำหนิรัฐบาลกัมพูชานะคะ บอกว่าไม่ดำเนินการอย่างเด็ดขาดอย่างเช่น เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เองค่ะ Amnasty International ก็ประนามรัฐบาล กัมพูชานะคะบอกว่าจงใจเพิกเฉยต่อการ ละเมิดสิทธิมนุษยชนของเครือข่ายสแกมเมอร์ ค่ะดังนั้นนะคะการลงดาบของอเมริกาครั้ง นี้โดยมาตรการคว่ำบาตรจึงต้องใช้กฎหมาย หลายฉบับควบคู่กันไปค่ะเพื่อให้มาตรการ ต่างๆมีความครอบคลุมและมีผลผูกพันในหลาย มิติด้วยนะคะตั้งแต่การปิดกั้นการเข้าถึง ทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจของสหรัฐ ไปจนถึงการห้ามประชาชนหรือว่าห้ามบริษัท อเมริกันนะคะไปทำธุรกรรมกับใครก็ตามหรือ องค์กรใดก็ตามนะคะที่มีที่อยู่ในลิสต์ค่ะ อย่างไรก็ตามนะคะก่อนที่จะมาถูกประจานไป ทั่วโลกจากการถูกคว่ำบาตรในครั้งนี้ค่ะ กัมพูชายเองก็มีการออกมาแอคชั่นนะคะ พยายามที่จะกวาดล้างสแกมเมอร์ในพื้นที่มา แล้วค่ะแต่หลายฝ่ายมองว่าการกวาดล้างดัง กล่าวนั้นอาจจะยังไม่แรงพอทำได้ไม่ถึง แก่นที่แท้จริงค่ะเมื่อช่วงกลางเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมามีรายงานนะคะว่ากองกำลัง ของพนมเปนได้เข้าไปบุกทลายสถานที่ต้อง สงสัยค่ะที่เกี่ยวข้องกับการสแกมออนไลน์ นะคะรวมถึงการจู่โจมทลายกลุ่ม Call Center ไปเจอผู้ต้องสงสัยนะคะมากกว่า 200 คนมีทั้งคนเวียดนามกัมพูชาและคนจีนค่ะการ กวาดล้างดังกล่าวนะคะเกิดขึ้นหลังจากที่ หุ่นมาเน็ตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาค่ะได้ ออกคำสั่งนะคะให้มีการเคร่งครัดการปรับ ปรามสแกมเมอร์การหลอกลงออนไลน์ให้จัดการ กับแหล่งซ่องซูมของสแกมเมอร์ภายในพื้นที่ ของตนเองและดำเนินการตามกฎหมายอย่างทันที สั่งการให้ในประเทศชาวต่างชาติที่เข้ามา ผิดกฎหมายหรืออาจจะมีส่วนร่วมเกี่ยวกับ การสแกมออนไลน์แล้วก็ย้ำด้วยนะคะว่าหาก หน่วยงานไหนหากใครละเลยจะมีผลต่อการ พิจารณาตำแหน่งพร้อมกันนี้ก็เสริมกำลัง ทหารตำรวจกองกำลังพิเศษเข้าร่วมปรับปราม เต็มรูปแบบค่ะซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าว นะคะเกิดจากการที่กัมพูชานั้นโดนองค์กร พัฒนาเอกชนระหว่างประเทศและ UNODE รายงาน ค่ะบอกว่าเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของ อาชยกรรมทางไซเบอร์ของเอเชียทั้งจากแรง งานของแnastตีก็ยังระบุด้วยนะคะว่าฐาน สแกมเมอร์ของกัมพูชามากถึง 53 แห่งใน 13 พื้นที่พบว่ามีการทำร้ายร่างกายบังคับคน ให้ทำงานรวมถึงโครงการต่อต้านการค้า มนุษย์กัมโพชายังประเมินด้วยนะคะว่ามีฐาน ของสแกมเมอร์อย่างน้อย 350 แห่งค่ะที่ ดำเนินการอยู่ทั่วทั้งประเทศณเดือนตุลาคม ของปีที่แล้วรวมถึงมีการบังคับใช้แรงงาน ต่างชาติด้วยนะคะมากกว่า 150,000 คนค่ะ แต่อย่างไรก็ตามค่ะการปรับปรามดังกล่าว เองก็ถูกมองจากหลายฝ่ายนะคะว่ายังคงไม่ เด็ดขาดมากพอค่ะอย่างเช่นความเห็นจากทาง Channel Newเชียนะคะระบูบอกว่าการปรับ ปรามสแกมเมอร์ในอดีตที่ผ่านมาของกัมพูชา นั้นประสบความล่มเลวค่ะเนื่องจากไม่ได้มี การจัดการกับเสาหลัก 2 ด้านพื้นฐานนะคะ ที่มาหนุนอุตสาหกรรมนี้ให้เติบโตหรือว่า เฟื่องฟูค่ะเสาแรกก็คือเครือข่ายท้องถิ่น ของผู้ทรงอิทธิพลนะคะที่คอยทำหน้าที่ปก ป้องปฏิบัติการสแกมเมอร์และเสาที่ 2 ก็ คือโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่ล้ำสมัย ของที่ตั้งเหล่านี้ค่ะและพร้อมกันนี้ Channel Newเชียเขาก็สรุปไว้เลยนะคะว่า ตราบใดที่ไม่มีการแตะต้องชนชั้นสูงที่ เป็นคนคุ้มครองศูนย์สแกมเมอร์ทั้งหลาย เหล่านี้ปราบกี่ครั้งก็กลับมาได้อย่างรวด เร็วค่ะและคนที่โดนจับกมเองก็เป็นเพียง แค่กลุ่มของระดับล่างไม่ใช่คนที่อยู่ใน หน้าที่ระดับสูงค่ะลงดาบมาแล้วนะคะสำหรับ มาตรการคว่ำบาตรครั้งนี้จับตาดูกันค่ะว่า สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรสามารถ ปราบสแกมเมอร์ได้จริงหรือไม่เพราะอย่าลืม นะคะว่าคนที่เสียหายครั้งนี้ไม่ใช่เพียง แค่ชาวอเมริกันค่ะคนไทยเราเองก็โดนไปด้วย รวมถึงหลายชาติเองก็เช่นกันนะคะหรือแม้ กระทั่งความเสียหายไม่น้อยนะคะเรียกว่า มหาศาลและสามารถสะเทือนโลกได้เลยทีเดียว
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment